วิจัยชี้! กินยาความดันก่อนนอน มีประสิทธิภาพกว่าการกินยาในตอนกลางวัน

วิจัยชี้! กินยาความดันก่อนนอน มีประสิทธิภาพมากกว่าการกินยาในตอนกลางวัน แถมยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพบางโรค เช่น Cerebrovascular disease โรคหลอดเลือดสมองและ heart attack หัวใจวายได้ดีมากยิ่งกว่าเดิม จากงานวิจัยของต่างประเทศที่ถูกเผยแพร่ออกมาผ่าน European Heart Journal

กินยาความดันก่อนนอน ช่วยป้องกันหัวใจวายโรคหลอดเลือดสมองได้ดีมากยิ่งกว่าเดิม

ผลการศึกษาในครั้งนี้คือผลงานชิ้นโบว์แดงของนักวิจัยของประเทศสเปนผลงานที่ว่านั้นก็คือ การค้นพบช่วงเวลาในการกินยายาที่ว่านั้นก็คือ “ยาโรคความดันโลหิตสูง” ซึ่งช่วงเวลาที่กินยานี้แล้วจะได้ประสิทธิภาพมากที่สุดนั้นก็คือ ช่วงเย็นเพราะช่วยลดความดันโลหิตได้ดีขึ้น Cerebrovascular disease แถมยังช่วยป้องกันภาวะหัวใจวาย หัวใจล้มเหลว และ heart attack โรคหลอดเลือดสมองได้มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย

นักวิจัยจาก University of Vigoได้นำผลงานชิ้นโบว์แดงที่พวกเขาพบเจอมาเผยแพร่ผ่าน European Heart Journal ว่า

การกินยารักษาโรคความดันโลหิตสูงในช่วงเวลากลางคืนก่อนที่จะเข้านอนนั้น จะทำให้ฤทธิ์ของยานั้นออกมาดีมากกว่าการกินยาในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากว่ากลไกการทำงานส่วนต่างๆภายในร่างกายนหรือที่เรียกกันว่า “นาฬิการ่างกาย” ของมนุษย์เรานั้นมีปฏิกิริยาต่อเวลาในการกินยาของเรา

กินยาให้สอดประสานนาฬิการ่างกาย

ปัจจุบันมีหลักฐานมากมายที่นักวิจัยนั้นค้นคว้าออกมาบอกว่ายาหลายประเภท ยารักษาโรคหัวใจ น่าจะออกฤทธิ์และทำงารดีมากขึ้นเมื่อกินในช่วงเวลาที่เหมาะสมในแต่ละวัน อย่างเช่น งานวิจัยล่าสุดจาก University of Vigo ที่ทางนักวิจัยนั้นได้ทำการค้นพบหลักฐานชิ้นสำคัญในเรื่อง เวลาที่เหมาะสมของการใช้ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากว่าพวกเขานั้นได้ทำการทดลองยาพร้อมกับเวลากับอาสาสมัครมากกว่า 19,000 คน ส่วนการทดลองในครั้งนั้นทางนักวิจัยได้ทำการแบ่งอาสาสมัครออกเป็นจำนวนสองกลุ่ม ด้วยการสุ่มเลือก กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ใช้ยาตอนเช้ากลุ่มที่สองคือกลุ่มที่ที่ใช้ยาก่อนเข้านอนตอนกลางคืน ซึ่งการทดลองดังกล่าวนั้นทีมนักวิจัยได้ทำการติดตามเฝ้าระวังผลการทดลลองเป็นเวลานานมากกว่า 5 ปี

ส่วนผลการทดลองในครั้งนั้นออกมาว่า กลุ่มอาสาสมัครกลุ่มแรกที่ได้รับ “ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง” ในช่วงเวลากลางคืนนั้นความเสี่ยงที่ของภาวะหัวใจวาย congestive heart failure chf  ภาวะหัวใจล้มเหลว และโรคหลอดเลือดสมอง นั้นลดน้อยลงมากกว่าอาสาสมัครอีกกลุ่ม ซึ่งอัตราการเสียชีวิตนั้นเรียกได้ว่าแทบไม่มีเลย เนื่องจากนักวิจัยนั้นได้กล่าวเอาไว้ว่า โดยปกติทั่วไปความดันเลือดของมนุษย์นั้นน่าจะลดลงในช่วงเวลากลางคืนในยามที่ร่างกายนั้นนอนหลับพักผ่อน แต่ถ้ามันไม่เป็นไปอย่างที่กล่าวมาความดันของเลือดที่สูงอยู่ตลอดเวลานั้นก็อาจคือหนึ่งสาเหตุมนการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนอีกหนึ่งงานวิจัยนั้นกล่าวเอาไว้ว่ากลุ่มคนที่ใช้ยาก่อนเข้านอนหรือตอนกลางคืน คนเหล่านั้นจะมีระดับความดันเลือดที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งนี้มันคือความสำคัญของช่วงเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน ที่มีผลโดยตรงที่ส่งผลให้ระดับความดันเลือดในตอนกลางคืนของคนไข้กลุ่มนี้ลดต่ำกว่าคนไข้กลุ่มที่กินยาในตอนเช้า

ศ.รามอน เฮอร์มิดา ผู้นำทีมวิจัย กล่าวว่า

หมอและแพทย์ควรให้คำแนะนำแก่คนไข้ที่เข้ารับการรักษาเรื่องการใช้ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ว่าพวกเขานั้นควรใช้ยานี้ในช่วงค่ำหรือก่อนเข้านอนในทุกวันนั้นน่าจะดีกว่า เพราะว่านี้คือวิธีการรักษาชีวิตแบบที่ไม่ต้องเสียเงินและเสียเวลา แม้ว่าหนทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูง (hypertension) ในยุคปัจจุบันนี้จะมีมากแต่การให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาว่าควรใช้ยาเวลาใดนั้นก็ยังไม่มี เพราะว่าการรักษาและคำแนะนำคนไข้ส่วนใหญ่นั้นมักเป็นตอนเช้าเนื่องจากมีเป้าหมายผิด ๆ เรื่องของการลดระดับความดันโลหิตในตอนเช้า ดังนั้นผลการทดลองดังกล่าวนั้นจึงจำเป็นจะต้องได้รับการยืนยันเพื่อตรวจสอบให้ชัดเจนว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้น ว่าลัพธ์ที่ได้นั้นตรงกันกับคนไข้ที่ใช้ยารักษาโรคความดันโลหิตสูงยี่ห้อต่าง ๆ เหมือนกันหรือไม่

วาเนสซา สมิธ จาก British Heart Foundation องค์กรการกุศลด้านโรคหัวใจของอังกฤษ ระบุว่า

ถึงแม้งานผลงานวิจัยชิ้นนี้จะสนับสนุนผลการศึกษาหลายชิ้นที่มีขึ้นมาก่อนหน้านี้มากมาย ก็จำเป็นจะต้องมีการคึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมกับคนชาติอื่นๆ หรือผู้ที่ทำงานกะกลางคืน เพื่อให้แน่ใจว่าการกินยารักษาโรคความดันโลหิตสูงในตอนกลางคืนที่ผลการทดลองในครั้งนี้นั้นจะมีประโยชน์จริง

อย่างไรก็ตามหากคุณคือคนที่ใช้ยารักษา Hypertension อยู่ แนะนำว่าคุณควรได้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยววชาญทุกๆครั้งก่อนที่คุณนั้นจะปรับเปลี่ยนเวลาใช้ยาชนิดนี้ เพราะอาจมีเหตุผลบางอย่างที่แพทย์สั่งให้คุณกินยาในตอนเช้าหรือตอนกลางคืน ส่วนพฤติกรรมที่ส่งผลต่อความดันโลหิต และควรหลีกเลี่ยง นั้นมีดังนี้

• ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
• สูบบุหรี่
• มีน้ำหนักตัวเกิน
• ออกกำลังกายไม่เพียงพอ
• บริโภคเกลือมากเกินไป