สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทยเร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอย่างถูกต้องเพราะ ผู้ป่วยไบโพลาร์ 1 ล้าน เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจำนวนน้อยนิด

ผู้ป่วยไบโพลาร์ 1 ล้าน คนมีคนข้ารับการรักษาแค่เพียง 1 เปอร์เซ็นต์ ในโรงพยาบาลทางด้าน The psychiatric association of Thailand เร่งสร้างความเข้าใจปัญหาสุขภาพเรื่องโรคไบโพลาร์ให้ประชาชนโดยด่วน เพราะประชาชนนั้นเข้ารับการรักษาและการบำบัดฟื้นฟูจิตใจมีจำนวนที่น้อยมาก

ผู้ป่วยไบโพลาร์ 1 ล้าน คนมีคนข้ารับการรักษาแค่เพียง 1 เปอร์เซ็นต์จากหนึ่งในล้านคน

ในปัจจุบันปัญหาด้านสุขภาพจิตของคนทั่วโลกนั้นเริ่มมีมากจนแพทย์และผู้เชี่ยวชาญนั้นเริ่มมีความกังวน เพราะคนส่วนมากที่ป่วยเป็นโรคด้านสุขภาพจิตใจนั้นมักไม่ค่อยทราบว่าตัวเองพบเจอกับปัญหาอะไรอยู่ และบางคนนั้นก็ออกไปในแนวไม่ยอมรับความจริงสักเท่าไหร่ อย่างเช่นสถิติของประเทศไทยที่เรานำมาให้ทุกคนได้ดูในวันนี้ที่ทางสมาคม The psychiatric association of Thailand ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเอาไว้ว่า ประชาชนของประเทศเรานั้นมีปัญหาเรื่องของสุขภาพจิตมากถึงสิบล้านคน หนึ่งในนั้นมีผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ Bipolar Disorder มากถึงหนึ่งล้านคน แต่ถ้าว่าการเข้ามารับการรักษาและการบำบัดอย่างถูกต้องตามวิธีการรักษานั้นมีเพียงประมาณหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

Bipolar Disorder ส่วนสาเหตุหลักๆ ของโรคไบโพลาร์ นั้นน่าจะมาจาก neurotransmitter ที่สมองทำงานผิดพลาด หรือสำหรับผู้ป่วยบางคนนั้นอาจมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม อีกหนึ่งสาเหตาสำคัญที่พูดถึงไม่ได้นั้นก็คือความเครียดที่สะสมเอาไว้นานๆ สุดท้ายมันส่งผลให้เป็นนิสัยและกลายมาเป็นบุคลิกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่วนอาการที่มักแสดงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยนั้นมีอายุย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แต่อาการที่ว่ามานี่นั้นส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักไม่ทราบว่าตัวเองมีอาการแบบนี้อยู่ และบางครั้งนั้นคาดคิดไปไกลถึงว่ามันเป็นเพียงอารมณ์ที่แปรปรวนตามช่วงอายุวัยเท่านั้น สำหรับบางคนมีอารมณ์ซึมเศร้าเด่นกว่าแมเนีย (ภาวะอารมณ์ดีมากเกินไป) ก็มักจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคซึมเศร้า

หลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยของเรานั้นยังพบเจอกับปัญหาเรื่องการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยโรคนี้ เพราะขาดการติดตามการกระตุ้นวิธีการรักษาและวิธีดูแลจากสถานการณ์จริง อีกอย่างคือขาดแหล่งข้อมูลความรู้ที่ช่วยในการสนับสนุนผู้ป่วยเมื่อเจอปัญหาเวลาอยู่บ้านคนเดียว และนี่มันส่งผลให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้องตามหลักและก่อให้เกิดความเสี่ยงที่อาจรุนแรงมากขึ้น อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญนั้นก็คือคำว่า “ไบโพลาร์” ของประเทศไทยในปัจจุบันกลายเป็นคำล้อเลียนที่ผู้คนนำมาพูดเล่นเพื่อหยอกล้อกันจนไม่มีความสำคัญ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอย่างท่องแท้

ส่วนแนวทางการรักษาสำหรับโรคไบโพลาร์คือ

1.รักษาด้วยการใช้ยาร่วมกับการบําบัดทางจิตสังคม เช่น

• จิตบําบัดปรับความคิด
• จิตบําบัดปรับพฤติกรรม
• จิตบําบัดปรับความสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
• สุขภาพจิตศึกษา

บำบัดแบบนี้ได้ผลดีในเรื่อง

• ช่วยลดความรุนแรงของอาการ
• ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

สำหรับคนที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาด้านสภาพจิตใจที่รุนแรงหหรือแปลกไปไม่ต้องรู้สึกเขินอายที่จะเข้าไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับคำแนะนำและคำปรึกษาในด้านการรักษา เพราะการไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาจิตใจเป็นสถานการณ์ปกติทั่วไปที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน