น้ำมูกเป็นของเหลวที่หลายคนคิดว่าไม่สำคัญ แต่จริง ๆ แล้วมันคือหนึ่งในระบบป้องกันตัวเองของร่างกาย น้ำมูกช่วยดักจับเชื้อโรค ฝุ่นละออง สิ่งสกปรก และรักษาความชุ่มชื้นในโพรงจมูก
แต่เมื่อใดที่ “สีน้ำมูก” เปลี่ยนไปจากปกติ นั่นหมายความว่าร่างกายกำลังบอกบางอย่างกับคุณ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ภูมิแพ้ เยื่อบุจมูกระคายเคือง ไปจนถึงอาการอักเสบหรือการติดเชื้อที่ต้องใส่ใจ
บทความนี้จะพาคุณอ่าน “ความหมายของสีน้ำมูกทุกเฉด” เข้าใจสาเหตุ และวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง โดยอิงจากข้อมูลการแพทย์ที่นำเสนอในบทความต้นฉบับที่คุณให้
สีของน้ำมูกและความหมายที่ต้องรู้
น้ำมูกสีใส — ภาวะปกติหรือภูมิแพ้เบื้องต้น
น้ำมูกใสคือสีของน้ำมูกปกติในคนสุขภาพดี โพรงจมูกทำหน้าที่ผลิตเมือกใสเพื่อหล่อลื่นและดักจับสิ่งแปลกปลอมอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุของน้ำมูกใส ได้แก่
- อากาศแห้ง
- อุณหภูมิเปลี่ยนเร็ว
- ภูมิแพ้ระยะเริ่มต้น
- น้ำในร่างกายไม่เพียงพอ
ความหมาย: ส่วนใหญ่ไม่อันตราย แต่ถ้ามีน้ำมูกใสไหลทั้งวันร่วมกับคันจมูกหรือจามบ่อย อาจเป็นสัญญาณของภูมิแพ้ได้
วิธีดูแล: ดื่มน้ำมากขึ้น และรักษาความชื้นในอากาศ

น้ำมูกสีขาว — เยื่อบุจมูกอักเสบเล็กน้อย
น้ำมูกสีขาวมักเหนียวข้นกว่าน้ำมูกใส แสดงว่าโพรงจมูกเริ่มอุดตัน ทำให้เมือกไหลช้าลงจนข้นขึ้น
มักเกิดจาก
- เป็นหวัดระยะแรก
- ภูมิแพ้กำเริบ
- เยื่อบุแห้งจากเครื่องปรับอากาศ
ข้อควรระวัง: ถ้าสีขาวข้นนานเกิน 1 สัปดาห์ อาจมีอาการอักเสบเล็กน้อย
การดูแล: ใช้น้ำเกลือล้างจมูก เพิ่มความชื้น และพักผ่อนให้มากขึ้น
น้ำมูกสีเหลือง — ระบบภูมิคุ้มกันกำลังทำงาน
เมื่อภูมิคุ้มกันทำงาน เม็ดเลือดขาวจะเข้ามากำจัดเชื้อโรค เมือกที่มีเซลล์เหล่านี้มากขึ้นทำให้เกิด “สีเหลือง”
สีเหลืองไม่ใช่เรื่องอันตรายเสมอไป แต่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังสู้กับเชื้อ เช่น
- หวัด
- การติดเชื้อไวรัส
- ไซนัสเริ่มอักเสบ
ช่วงเวลาที่พบ: 2–3 วันหลังเริ่มเป็นหวัด
วิธีดูแล:
- ดื่มน้ำมาก ๆ
- ล้างจมูก
- นอนพักให้พอ
ควรพบแพทย์ หาก: สีเหลืองอยู่เกิน 10 วัน
น้ำมูกสีเขียว — การติดเชื้อที่เข้มข้นขึ้น
น้ำมูกสีเขียวคือสัญญาณว่าเชื้อโรคจำนวนมากกำลังก่อการอักเสบ เม็ดเลือดขาวจะปล่อยเอนไซม์ที่ทำให้เมือก “เขียวและเหนียว”
สาเหตุที่พบบ่อย
- ไซนัสอักเสบ
- หวัดรุนแรง
- ติดเชื้อแบคทีเรียในโพรงจมูก
วิธีดูแล:
- แนะนำล้างจมูกเป็นประจำ
- พักผ่อนมาก ๆ
- หลีกเลี่ยงอากาศเย็นจัด
ต้องระวัง:
- หากเจ็บหน้าแก้มหรือหน้าผาก
- ปวดกระบอกตา
- ไข้สูง
สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณว่าควรรีบพบแพทย์
น้ำมูกสีส้ม/น้ำตาล — อาจมีเลือดเก่าปนอยู่
เมื่อน้ำมูกเป็นสีส้ม หรือน้ำตาล อาจแปลว่ามีเลือดเก่าที่แห้งแล้วปนมากับเมือก สาเหตุเกิดจาก
- สั่งน้ำมูกแรง
- อากาศแห้งมาก
- เยื่อบุจมูกแตก
แนวทางดูแล สุขภาพ : ดื่มน้ำเยอะขึ้น ใช้เครื่องทำความชื้น หลีกเลี่ยงการแคะจมูก
น้ำมูกสีแดงหรือชมพู — เลือดสดปนเมือก
อาจเกิดจาก
- การสั่งน้ำมูกแรง
- จมูกแห้ง
- เส้นเลือดข้างในจมูกแตก
ถ้าน้ำมูกมีเลือดเพียงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว มักไม่อันตราย แต่ถ้ามีเลือดบ่อยควรพบแพทย์
น้ำมูกสีดำ — สัญญาณผิดปกติรุนแรง
น้ำมูกสีดำพบไม่บ่อย แปลว่าจมูกสัมผัสกับสารระคายเคืองหรือฝุ่นจำนวนมาก เช่น
- ควันดำ
- เขม่าควัน
- ฝุ่นในโรงงาน
แต่ในบางกรณีที่หาได้ยาก อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อรารุนแรง ซึ่งต้องรักษาทันที

ทำไมสีน้ำมูกจึงเปลี่ยน? กลไกระบบทางเดินหายใจที่คุณควรรู้
เมือกในโพรงจมูกผลิตขึ้นตลอดเวลา เพื่อ
- กรองสิ่งแปลกปลอม
- กำจัดเชื้อโรค
- รักษาความชื้น
เมื่อ
- เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
- เยื่อบุจมูกระคายเคือง
- หรือโพรงจมูกแห้ง
สีและความข้นของน้ำมูกจะเปลี่ยนทันที ถือเป็น “ตัวชี้วัดอย่างง่าย” ของการอักเสบหรือความผิดปกติภายในทางเดินหายใจ
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์? สัญญาณอันตรายที่ต้องใส่ใจ
ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีสีน้ำมูกผิดปกติร่วมกับอาการเหล่านี้
- ไข้สูงติดต่อกันหลายวัน
- ปวดกระบอกตา ปวดหน้า หรือเจ็บแก้ม
- น้ำมูกสีเขียวเข้มเกิน 10 วัน
- มีกลิ่นเหม็นแรงจากจมูก
- หายใจไม่ออกหรือแน่นหน้าอก
- น้ำมูกมีเลือดปนอย่างต่อเนื่อง
สิ่งเหล่านี้บ่งบอกว่าอาจมีการอักเสบในระดับที่ต้องได้รับการรักษา
วิธีดูแลตัวเองเมื่อสีน้ำมูกผิดปกติ
- ดื่มน้ำวันละ 1.5–2 ลิตร ช่วยให้น้ำมูกไม่ข้น
- ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเพื่อลดเชื้อโรคและฝุ่น
- นอนพักผ่อนให้พอ 7–8 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรง ๆ
- ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในห้อง
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่และฝุ่นในอากาศ
การดูแลอย่างถูกวิธีช่วยลดโอกาสอักเสบเรื้อรังได้มาก
บทสรุป: สีน้ำมูกคือ “ภาษาของร่างกาย” ที่ควรฟังให้เป็น
สีน้ำมูกไม่ใช่เรื่องสกปรกหรือเรื่องเล็ก ๆ อย่างที่หลายคนคิด แต่เป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่บอกให้รู้ว่าร่างกายกำลังเผชิญอะไรอยู่
- สีใส = ปกติหรือภูมิแพ้
- สีขาว = อุดตันเล็กน้อย
- สีเหลือง = ร่างกายกำลังสู้กับเชื้อ
- สีเขียว = การติดเชื้อที่ต้องจับตา
- สีแดง/ชมพู = มีเลือดปน
- สีดำ = ต้องระวังสารระคายเคือง
การสังเกตสีน้ำมูกสามารถช่วยให้คุณรู้ทันโรค และดูแลสุขภาพได้เร็วขึ้น
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9






