Sunday, 22 September 2024

รู้หรือไม่ว่าผู้หญิง “อ้วน” เสี่ยง “มะเร็งเต้านม-เยื่อบุโพรงมดลูก” มากกว่าผู้หญิงรูปร่างปกติ

12 Nov 2022
244

รู้หรือไม่ว่าผู้หญิง อ้วนเสี่ยงมะเร็งเต้านม และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและโรคสุขภาพต่างๆมากมาย “มากกว่า” คนที่หุ่นผมเพียวและหุ่นปกติ บอกเลยงานนี้สาวๆคนไหนที่ปล่อยให้น้ำหนักตัวเกินนั้นต้องแวะเข้ามาดูเข้ามารับชมกันก่อน ว่าเป็นเพราะเหตุคนที่อ้วนถึงเสี่ยงโรคร้ายมากมายขนาดนี้

สล็อต xo Slotxo

อ้วนเสี่ยงมะเร็งเต้านม และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและโรคต่างๆมากมาย “มากกว่า” คนที่หุ่นผมเพียวและหุ่นปกติ

อ้วนเสี่ยงมะเร็งเต้านม และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกตรวจเจอกับคุณผู้หญิงจากสถิติพบว่ามันติด 1 ใน 3 เป็นสองลงมาจากมะเร็งเต้านม breast cancer และมะเร็งปากมดลูก cervical cancer มีงานวิจัยพบว่าหญิงสาวที่เข้าสู่ช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือนจะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งจำพวกนี้มากยิ่งขึ้น แต่บ่อยครั้งก็พบในหญิงสาวอายุ 30-45 ปี ที่มีความผิดปกติของฮอร์โมนและมีน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน

ทำไม “อ้วน” แล้ว เสี่ยง “มะเร็ง”

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเมื่อร่างกายของเรานั้นเข้าสู่ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน มันจะส่งผลให้ร่างกายของเรานั้นกักเก็บไขมันจำนวนที่มากมายมหาศาล จนส่งผลกระทบมาถึงเรื่องของสุขภาพ การวิลงความเห็นที่ให้ผลแม่นยำว่าเป็นโรคอ้วนหรือไม่นั้นทำได้ด้วยการวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายด้วยเครื่อง DEXA scan เบื้องต้นก็สามารถตรวจเช็คด้วยการวัด (BMI) มีความเกี่ยวข้องกันกับจำนวนไขมันในร่างกายได้ ซึ่งในคนเอเชีย ถ้ามีค่า BMI มากกว่า 23 ขึ้นไป ก็จะถือว่าน้ำหนักเกิน และหากพบว่ามีค่าตั้งแต่ 25 ขึ้นไปก็จัดเข้าสู่กลุ่มเป็นโรคอ้วน และมีความเสี่ยงด้านสุขภาพมากขึ้น เพราะโรคอ้วนไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกันกับการเปลี่ยนแปลงของ Hormone  แต่ยังพบว่าเป็นสาเหตุร่วมในโรคทางนรีเวช รวมถึงโรคมะเร็งอีกด้วย

รู้หรือไม่ว่าผู้หญิง “อ้วน” เสี่ยง “มะเร็งเต้านม-เยื่อบุโพรงมดลูก”

อันตรายของรูปร่างอ้วนเป็นหุ่นทรง ลูกแพร์ VS แอปเปิ้ล

ผู้หญิงรูปร่างทรง “ลูกแพร์”

สาวๆที่มีหุ่นนี้จะสะสมไขมันเอาไว้ที่ส่วนสะโพกและต้นขาจำนวนมาก แถมยังมี Hormone Estrogen ในสัจำนวนที่สูง และมีหลายคนที่พบเจอกับปัญหาประจำเดือนไม่ปกติ หรือมีอาการผิดปกติที่เกิดในช่วงก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome: PMS) อาทิ ตัวบวม หน้าบวม หงุดหงิดง่าย ปวดศีรษะ เป็นต้น

ส่วนผู้หญิงรูปร่างทรง “แอปเปิ้ล”

สาวๆคนที่มีหุ่นแบบอ้วนลงพุงจะมีรูปแบบอาการของกลุ่ม Metabolic เนื่องจากไขมันที่กักเก็เอาไว้อยู่รอบอวัยวะในช่องท้อง (Visceral fat) มีผลทำให้ระบบการเผาผลาญทำงานไม่ผกติ อาจส่งผลให้เกิดโรคต่างๆได้อาทิ เบาหวาน โรคความดัน โลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยมีการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Heart Journal พบว่า

คนที่มีหุ่นแบบอ้วนลงพุงจะมีรูปแบบอาการของกลุ่ม Metabolic

สาวๆที่มีหุ่นแบบ “แอปเปิ้ล” โอกาสที่พวกเธอนั้นจะป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้นมีเยอะกว่า สาวๆที่มีหุ่นรูปทรง “ลูกแพร์” มากถึง 3 เท่าตัว และอาจมีปัญหาประจำเดือนไม่ปกติ อย่างเช่น หน้ามัน เป็นสิว ผมร่วง หรือกลุ่มอาการถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic ovary syndrome: PCOS) และมีโอกาสที่จะมีบุตรยากร่วมด้วย

โรคอ้วนยังมีโอกาสทำคุณผู้หญิงนั้นเกิดโรคมะเร็งอีกจำนวนมากมายสุดแสนน่ากลัว โดยเฉพาะมะเร็งทางนรีเวช อาทิ 

  • มะเร็งรังไข่
  • มะเร็งเต้านม
  • มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

ซึ่งเป็นเหตุมาจากการปลุกของ Hormone Estrogen และเมื่อผู้หญิงเข้าสู่ช่วงอายุประจำเดือนหมดหรือวัยทอง Hormone Estrogen เป็น Hormone หลักของผู้หญิงที่สร้างจากรังไข่จะหมดไป แต่ยังมีการผลิต Hormone นี้จากเซลล์ที่เนื้อเยื่อไขมัน ในผู้หญิงที่อ้วนจึงมีแหล่ง Estrogen จากเนื้อเยื่อไขมันมาก

มีหลายงานวิจัยพบว่า ปัญหามะเร็งที่มีความไวต่อฮอร์โมน Estrogen ในผู้หญิงช่วงวัยหมดเลือดที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน จะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า เพราะ 80 เปอร์เซ็นต์ ของการเกิดมะเร็งเต้านมพบว่าเชื่อมโยงกันกับการกระตุ้นจากฮอร์โมน Estrogen

อ้วนเสี่ยงมะเร็งเต้านม-และโรคอื่นๆอีกจำนวนมาก

ส่วนโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก endometrial cancer ก็จะเพิ่มขึ้น 2-4 เท่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงน้ำหนักไม่มาก เป็นประจำที่แพทย์พบเจอคนไข้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีปัญหาเรื่อง Hormone ไม่ปกติตั้งแต่ก่อนมีเลือดและหมดไป หลายคนมองข้ามเรื่องพวกนี้ไป ไม่ได้ดูแลยับยั้งและพบว่าเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุยังไม่มาก การสะสมของไขมันที่มีมากซึ่งเป็นอีกแหล่งที่ให้ Hormone Estrogen ที่จะเข้าไปปลุกเยื่อบุโพรงมดลูกให้มีมากผิดปกติ และก่อกำเนิดกลายเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก โดยเริ่มจากอาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด

สาเหตุของการลดน้ำหนักที่ไม่ได้ผล ส่วนมากนั้นเกิดขึ้นจากการที่คนๆนั้นไม่สามารถค้นพบสาเหตุที่ที่แท้จริงที่หลบซ่อนอยู่ในความอ้วนของตัวเอง โดยการวินิจฉัยและรักษาโดยศาสตร์การแพทย์เฉพาะเจาะจง (Precision medicine) จะทำให้ค้นพบปัญหา และวางแผนการรักษาได้ตรงจุดอย่างได้ผล ได้แก่

  • การตรวจไขมันสะสมในส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วย DEXA scan
  • การตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ
  • การตรวจยีนที่สามารถจะบอกถึงรูปแบบอาหารที่เหมาะสม

ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพและการควบคุมน้ำหนักจำพวก

  • การเผาผลาญ
  • ความไวต่ออาหาร
  • ความสามารถในการขจัดสารพิษ
  • แนวโน้มการขาดวิตามิน
  • การออกกำลังกายที่เหมาะสม
  • ส่งผลให้ควบคุมน้ำหนักได้fu

ควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพในด้านการป้องกัน

ดังนั้นทุกคนควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพในด้านการป้องกันให้มากขึ้น ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองนั้นเจ็บป่วยล้มหมอนนอนเสื่อแล้วถึงเข้ามาหาหมอให้หมอช่วยรักษา เพราะการมีสุขภาพที่ดีไม่เพียงแต่เป็นการทำให้ร่างกายให้แข็งแรง แต่ส่งผลถึงรูปลักษณ์ผิวพรรณและรูปร่างที่ดีตามมาเมื่อดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เราจะสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาความอ้วนที่แอบซ่อนอยู่ในร่างกายได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เรานั้นกำลังจะอ้วน ทั้งที่มองเห็นภายนอกและซ่อนอยู่ในรูปแบบอ้วนลงพุง เป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายแรงและโรคเรื้อรังมากมายที่จะเกิดตามมาอีกมากมาย

ความอ้วนไม่ใช่แค่เป็นปัญหาของรูปร่างที่ทำให้หลายๆคนนั้นหนักอกหนักใจ แต่เป็นโรคที่มีข้อมูลทางการแพทย์อธิบายถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องประเมินตัวเองตั้งแต่วันนี้ ถ้าพบว่าเริ่มอ้วน เริ่มลงพุง มีน้ำหนักเกิน แนะนำให้รีบควบคุมลดน้ำหนักหรือปรึกษาแพทย์ อย่าปล่อยให้ความอ้วนลุกลามจนเป็นโรคได้ในที่สุด