วิจัยชี้ “กัญชา” ทำคน “โดนด่าแต่ก็ยังยิ้มหวาน” ได้จนอาจทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง

วิจัยชี้ “กัญชา” ทำคน “โดนด่าแต่ก็ยังยิ้มหวาน” ได้จนอาจทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง และอาจส่งผลให้การติดต่อสื่อสารไม่ดีไปพร้อมกับสุขภาพที่ย่ำแย่อีกด้วย หลังจากที่ประเทศไทยของเรานั้นเปิดกัญชาให้เป็นเสรีสามารถปลูกสามารถใช้ตามกฎเกรณ์ได้อย่างถูกกฎหมาย

โดนด่าแต่ก็ยังยิ้มหวาน อาจทำให้การสื่อสารมีปัญหาจนมองข้ามปัญหาความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น

เชื่อว่าหลายคนนั้นทราบดีอยู่แล้วว่าเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาประเทศไทยของเรานั้นได้ทำการคลายล็อกกัญชาออกจากสิ่งผิดกฎหมายสามารถใช้ได้ตามกฎเกรณ์ที่ออกมาโดยไม่ต้องขออนุญาตตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข แม้กัญชาไม่ใช่สารเสพติดแล้วในยุคนี้แต่แน่นอนว่าเหรียญมันต้องมีสองด้านเสมอ และตัวกัญชาที่เรารู้จักนี้เองก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน อย่างเช่นเรื่องราวที่เรานำมาให้ดูในวันนี้เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของผู้ใช้งานที่ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึง

เมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้ทางด้าน Science Direct  ได้เปิดเผยข้อมูลบางอย่างที่น่าสนใจว่า กัญชามีความเชื่อมโยงกับรูปแบบความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นต่อคนรอบข้างและคนรัก จากการทดลองสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มอาสาสมัครคู่รักจำนวน 145 คู่ โดยแต่ละคู่จะมีอยู่หนึ่งคนใช้กัญชาทุกๆวัน และในช่วงที่คู่รักนั้นมีปัญหาทำการโต้เถียงกันในเรื่องความขัดแย้งต่างๆ ก็จะมีนักวิจัยคอยบันทึกผลและเฝ้าสังเกตดูอยู่ไม่ห่าง

ในช่วงแรก คู่รักต้องพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกันกันเป็นเวลา 10 นาที และในช่วงที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันก็จะมีเครื่องที่คอยตรวจสอบระดับความตึงเครียดของบทสนทนาของทั้งคู่ เครื่องนี้นั้นมันสังเกตผ่านการแสดงออกทางกายภาพ อย่างเช่น อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ และหลังบทสนทนาสิ้นสุดลงผู้เชี่ยวชาญก็จะเข้ามาเช็คว่าคู่รักสามารถเก็บความรู้สึกที่ไม่ใช่ความรู้สึกในแง่ลบได้มากน้อยเพียงใด เมื่อครบ 10 นาที อาสาสมัครคู่ทั้งหมดจะต้องเปลี่ยนเรื่องพูดคุยเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่พวกเขาตกลงกันแล้วเป็นเวลาอีก 5 นาที เมื่อครบเวลาที่กำหนด นักวิจัยจะสอบถามความรู้สึกทั้งคู่ต่อการพูดคุยที่เกิดขึ้น ส่วนข้อสังเกตที่นักวิจัยสังเกตนั้นมีดังนี้

• พฤติกรรมที่ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์
• หลีกเลี่ยงการสนทนา
• การไม่ยอมรับความเห็นต่าง
• เบี่ยงเบนประเด็น และ
• ลักษณะของการแสดงพฤติกรรมเชิงลบ
• การวิพากษ์วิจารณ์
• ตำหนิบุคคลอื่น
• การเรียกร้องในเรื่องต่างๆ

จากการประเมินผลการทดสอบดังกล่าวนั้นพบว่า อาสาสมัครที่ใช้กัญชามีแนวโน้มที่จะร้องขอให้มีการปรับเปลี่ยนงวิจารณ์ หรือตำหนิคนอื่น แถมยังมีการใช้วิธีการพูดแบบหลบหลีกเบี่ยงประเด็น เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถปรับเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นบวกกับความสัมพันธ์ได้ แต่เมื่อถามว่าอาสาสมัครคู่รักมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการพูดคุยเรื่องที่ชวนให้อึดอัดให้สิ้นสุดลง ผู้ใช้กัญชากลับตอบว่าเขานั้นค่อนข้างพึงพอใจมากกับวิธีแก้ไขความเห็นต่าง และพวกเขานั้นยังไม่ได้มองว่าตนเองกำลังหลีกเลี่ยง

หรือเบี่ยงเบนประเด็นที่จะพูด แม้งานวิจัยในครั้งนี้มีผลลัพธ์ออกมาไปทางค่อนข้างเป็นคำกล่าวหาว่า “กัญชา” ส่งผลต่อการสื่อสารของคู่รักแต่ก็มีนักวิจัยบางคนนั้นบอกเอาไว้ว่า มันเป็นการกล่าวหาที่เร็วเกินไปที่จะโยนปัญหาด้านความสัมพันธ์ทั้งหมดให้กับกัญชาหรือยาเสพติดอื่นๆ

Dr. Jessica Salvatore Rutgers รองศาสตราจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ Robert Wood Johnson Medical School กล่าวว่า

ผลการศึกษาในครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าการใช้กัญชาส่งผลดีหรือส่งผลไม่ดีต่อความสัมพันธ์ของคู่รักและคนรอบข้าง แต่มันสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกได้และบ่งบอกได้ว่าคู่รักจะหาหนทางแก้ไขปัญหาได้อย่างไร แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คู่รักมองไม่เห็นปัญหาก็จะไม่สามารถหาทางแก้ปัญหาได้