โรคมือเท้าปาก (Hand, Foot, and Mouth Disease: HFMD) เป็นโรคติดต่อที่พบบ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่อากาศชื้น เชื้อไวรัสที่ก่อโรคสามารถแพร่กระจายได้ง่ายในสถานที่แออัด เช่น ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน หรือสนามเด็กเล่น แม้โรคนี้มักไม่รุนแรงและหายได้เองภายใน 7–10 วัน แต่ในบางกรณีอาจก่อให้เกิด ภาวะแทรกซ้อนอันตราย ที่ผู้ปกครองต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
บทความนี้จะอธิบาย ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคมือเท้าปาก ตั้งแต่สาเหตุ อาการ การรักษา การดูแลที่บ้าน ภาวะแทรกซ้อน ไปจนถึงวิธีป้องกัน เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจและเตรียมรับมือได้อย่างถูกต้อง
โรคมือเท้าปากเกิดจากอะไร?
โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม Enterovirus โดยมีสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่
- Coxsackievirus A16 – มักทำให้เกิดอาการไม่รุนแรง เด็กสามารถหายเองได้
- Enterovirus 71 (EV71) – เป็นสายพันธุ์ที่อันตรายกว่า เพราะอาจทำให้เกิด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
การแพร่เชื้อ
- การสัมผัสโดยตรงกับน้ำลาย น้ำมูก อุจจาระ หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
- การไอ จาม และละอองฝอยจากทางเดินหายใจ
- การใช้ของร่วมกัน เช่น ของเล่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม หรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ
- การอยู่ในพื้นที่ปิดที่มีผู้ติดเชื้อ เช่น ห้องเรียนหรือสถานเลี้ยงเด็ก
อาการของโรคมือเท้าปาก
ช่วงฟักตัวของโรค: สุขภาพ หลังจากได้รับเชื้อ มักใช้เวลา 3–6 วัน ก่อนแสดงอาการ
อาการเริ่มต้น
- ไข้ต่ำถึงไข้สูง
- เจ็บคอ
- เบื่ออาหาร
- อ่อนเพลีย
อาการจำเพาะของโรค
- แผลในปาก: มักขึ้นที่ลิ้น กระพุ้งแก้ม และเหงือก ทำให้เด็กเจ็บเวลากินอาหารหรือน้ำ
- ผื่นหรือตุ่มน้ำใส: ขึ้นบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ก้น และบางรายอาจพบตามลำตัวหรือต้นขา
- น้ำลายไหลมาก: เนื่องจากแผลในปากทำให้กลืนลำบาก
อาการที่ควรรีบพบแพทย์ทันที
- ไข้สูงเกิน 39°C ติดต่อกันหลายวัน
- เด็กซึม ไม่เล่น อ่อนแรง
- มีอาการชัก
- หอบเหนื่อย หายใจลำบาก
- อาเจียนซ้ำ ๆ หรือดื่มน้ำไม่ได้
การวินิจฉัยโรคมือเท้าปาก
แพทย์จะวินิจฉัยโดยการซักประวัติและตรวจร่างกายเป็นหลัก เนื่องจากลักษณะผื่นและแผลในปากค่อนข้างจำเพาะ
บางกรณีแพทย์อาจตรวจเพิ่มเติม เช่น
- การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัส
- การตรวจเลือด หากสงสัยภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
การรักษาโรคมือเท้าปาก
ปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาเฉพาะ การรักษาเป็นการบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การรักษาทั่วไป
- ยาลดไข้และแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หลีกเลี่ยงการใช้แอสไพรินในเด็ก
- ยาชาเฉพาะที่ (ตามดุลยพินิจแพทย์) เพื่อลดอาการเจ็บแผลในปาก
- ให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
- รับประทานอาหารอ่อนหรือเย็น เช่น โจ๊ก ซุป ไอศกรีม เพื่อลดความเจ็บปวด
การดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
- ให้พักผ่อนมาก ๆ
- แยกของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า
- เช็ดตัวลดไข้ หากไข้สูง
- รักษาความสะอาดสิ่งแวดล้อมและของเล่นเด็ก
ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง
แม้โรคนี้ส่วนใหญ่จะหายเอง แต่เชื้อ Enterovirus 71 สามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis): มีอาการปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง
- สมองอักเสบ (Encephalitis): มีอาการชัก ซึม หรือหมดสติ
- กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis): ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจวาย
- ปอดบวมหรือระบบไหลเวียนล้มเหลว (พบไม่บ่อยแต่มีอันตรายถึงชีวิต)
วิธีป้องกันโรคมือเท้าปาก
- ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด โดยเฉพาะก่อนกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
- ทำความสะอาดของเล่นและสิ่งของเครื่องใช้ ที่เด็กสัมผัสบ่อย ๆ
- แยกเด็กป่วยออกจากกลุ่มเด็กอื่น อย่างน้อย 7–10 วันจนกว่าจะหาย
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ในช่วงมีการระบาด
- สวมหน้ากากอนามัย หากมีอาการไอ จาม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
โรคมือเท้าปากในผู้ใหญ่
แม้จะพบได้น้อยกว่ามาก แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถติดโรคมือเท้าปากได้ โดยอาการมักไม่รุนแรง เช่น มีไข้ต่ำ ผื่น และเจ็บคอ อาจหายภายในไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่ยังสามารถแพร่เชื้อไปยังเด็กเล็กได้ จึงควรป้องกันด้วยการล้างมือและหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับเด็กเมื่อมีอาการ
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
Q: โรคมือเท้าปากอันตรายแค่ไหน?
A: ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่บางกรณีอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิต
Q: โรคมือเท้าปากกลับมาเป็นซ้ำได้หรือไม่?
A: ได้ เพราะเชื้อไวรัสมีหลายสายพันธุ์ การติดเชื้อครั้งหนึ่งไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันต่อทุกสายพันธุ์
Q: ควรหยุดเรียนหรือไม่หากเด็กป่วย?
A: ควรหยุดเรียนอย่างน้อย 7–10 วัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังเด็กคนอื่น
Q: ผู้ใหญ่ที่สัมผัสเด็กป่วยต้องระวังอย่างไร?
A: ล้างมือบ่อย ๆ ไม่ใช้ของร่วมกับเด็ก และสังเกตอาการตนเอง หากมีไข้หรือผื่นควรพักผ่อนและแยกตัวออกจากเด็ก
โรคมือเท้าปาก เป็นโรคที่ผู้ปกครองต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แม้จะไม่รุนแรงในเด็กส่วนใหญ่ แต่ก็มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย โดยเฉพาะหากเกิดจากเชื้อ Enterovirus 71 การรู้จักสังเกตอาการ การดูแลที่ถูกต้อง และการป้องกันการแพร่เชื้อ จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ลูกน้อยปลอดภัยมากขึ้น
👉 หากคุณเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง อย่าลืมแชร์ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดในชุมชนและโรงเรียน
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9