รวมวิธี: เทคนิครีเฟรชสมอง เมื่อเข้าสู่วัย 50 ปีขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและสมองเป็นเรื่องปกติที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นความจำที่เริ่มถดถอย สมาธิที่สั้นลง หรือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ lifestyle ที่ไม่รวดเร็วเหมือนเดิม แต่การดูแลสมองให้ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องยากเกินไป บทความนี้จะนำเสนอ 6 เทคนิคที่ทำตามได้ง่ายๆ เพื่อช่วยให้คุณสามารถรีเฟรชสมองและรักษาความจำให้เฉียบคมอยู่เสมอ
เทคนิครีเฟรชสมอง ขยับกายให้สมองตื่นตัว
การออกกำลังกายไม่ได้ดีแค่กับร่างกาย แต่ยังส่งผลดีอย่างยิ่งต่อสมอง การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้เซลล์สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นอย่างเต็มที่ แนะนำให้เริ่มจากการออกกำลังกายแบบเบาๆ อย่างการเดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานเป็นเวลา 30 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็เพียงพอที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้แล้ว
ฝึกสมองให้เป็นประจำ
สมองก็เหมือนกล้ามเนื้อ ยิ่งใช้ยิ่งแข็งแรง การหาความรู้ใหม่ๆ หรือฝึกทักษะที่ไม่คุ้นเคยจะช่วยสร้างใยประสาทใหม่ๆ ได้ดี ลองฝึกเล่นเครื่องดนตรีชนิดใหม่ๆ เรียนรู้ภาษาที่สอง หรือแม้แต่การเล่นเกมที่ต้องใช้ความคิด เช่น หมากรุก ซูโดกุ และการต่อจิ๊กซอว์ lifestyle กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยท้าทายสมองและป้องกันภาวะความจำเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับที่มีคุณภาพคือช่วงเวลาที่สมองได้พักผ่อนและซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ รวมถึงช่วยจัดระเบียบและรวมความทรงจำต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวันให้เป็นระบบ ผู้ชายวัย 50+ ควรนอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้สมองทำงานได้อย่างเต็มที่ หากมีปัญหาการนอนหลับ ลองปรับพฤติกรรม เช่น เข้านอนให้ตรงเวลาทุกวัน หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหรือแอลกอฮอล์ก่อนนอน และไม่เล่นโทรศัพท์มือถือก่อนเข้านอน
กินอาหารบำรุงสมอง
อาหารที่กินก็ส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของสมอง ควรเลือกกินอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมกา 3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และวอลนัต ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงเซลล์สมอง นอกจากนี้ การรับประทานผักใบเขียวเข้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และไข่ ยังช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระและบำรุงประสาท ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ลดความเครียดและปล่อยวาง
ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อสมอง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ การจัดการความเครียดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรหาเวลาว่างจากงานหรือกิจกรรมที่ตึงเครียด เพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นในสวน การนั่งสมาธิ หรือการฝึกหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ เพื่อช่วยให้จิตใจสงบ และลดระดับฮอร์โมนความเครียดที่ส่งผลเสียต่อสมองได้
สร้างเครือข่ายสังคม
การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นประจำช่วยให้สมองได้รับการกระตุ้นและทำงานอยู่ตลอดเวลา การเข้าสังคม การพูดคุย และการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น จะช่วยป้องกันภาวะสมองเฉื่อยชาและลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม ลองเข้าร่วมชมรมต่างๆ ไลฟ์สไตล์ ที่ตรงกับความสนใจ เช่น ชมรมกีฬา ชมรมวิ่ง หรือใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนและครอบครัวให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้สมองได้ทำงานและรู้สึกมีความสุข
สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่

สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9