ทารกรอดตาย จากการที่แม่ของเขากินแยมจนน้ำตาลพุ่ง

ทารกรอดตาย ข่าวรอบโลกรายงานถึงทารกดวงดีที่เฉือดไม่ได้เกิดอย่างหวุดหวิด หากแม่ของเด็กน้อยไม่ได้รับประทานขนมปังและแยมเข้าไปจนน้ำตาลในเลือดพุ่งปรี้ด!!! จนต้องรีบไปหาหมอ

ทารกรอดตาย โดยพฤติกรรมการกินจากแม่ของเขา

ขนมปังปิ้งของแม่ ป้องกันทารกในครรภ์ให้รอดตายอย่างดวงดี

ทารกในครรภ์รอดจากการสำลักหลังจากที่แม่ของเขากินแยมในขณะที่คลอดบุตร ทำให้เกิดการช่วยชีวิต Robyn Banson-Noond วัย 31 ปี เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากที่น้ำของเธอขาดเมื่ออายุได้ 32 สัปดาห์ แต่เธอกำลังเตรียมที่จะกลับบ้านพร้อมด้วยสามี Josh Manley วัย 28 ปี เพื่อให้การคลอดของเธอดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ

เธอกินแยมสตรอว์เบอร์รี่ผสมน้ำตาลเป็นอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเธอพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งทำให้แพทย์กังวล แม้โรบินจะแข็งแรงดี แต่การทดสอบเผยให้เห็นโดยไม่ได้ตั้งใจว่า Alexander James Manley ลูกชายที่ยังไม่เกิดของเธอถูกสายสะดือรัดคอและอัตราการเต้นของหัวใจของเขาลดลง

โรบินพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าถ้าพวกเขาไม่ส่งเขาตอนที่พวกเขาทำ และฉันถูกส่งกลับบ้าน เขาคงจะเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง”

เมื่อตั้งครรภ์ได้ 28 สัปดาห์ เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ‘เบาหวาน’ ตอนตั้งท้อง น้ำคร่ำเธอได้แตกเมื่อวันที่ 4 เมษายน เมื่อเธออายุครรภ์ได้ 32 สัปดาห์กับอีก 6 วัน “ฉันอยู่บนเตียงและลุกขึ้นนั่ง รู้สึกถึงเสียงป๊อบ แล้วพวกเขาก็ไปทุกหนทุกแห่ง ทั้งเตียง พื้นและโถงทางเดินถูกคลุมไว้” เธอกล่าว “ฉันยังไม่ได้เริ่มลาคลอดเลย”

แม่ของเธอขับรถพาเธอไปที่โรงพยาบาล Peterborough City เมื่อมาถึง เธอฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อทำให้ปอดของทารกเติบโตเต็มที่ เผื่อว่าเธอจะออกแรงเร็ว แต่เธอนอนหลับตลอดทั้งคืน เธอเผยว่าหมอกำลังพิจารณาส่งเธอกลับบ้าน แต่หลังจากที่น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากอาหารเช้าอันแสนหวานของเธอ พวกเขาก็เก็บเธอไว้

“มดลูกของฉันเกือบจะ “แห้ง” เพราะฉันสูญเสียน้ำทั้งหมด และสายนั้นก็พันรอบคอลูกชายของฉัน” โรบินอธิบาย “พวกเขากล่าวว่าเพราะไม่มีของเหลวที่จะหล่อลื่นสายไฟ ทุกครั้งที่เขาขยับมันจะแน่นขึ้นและเริ่มตัดการหมุนเวียนของเลือดซึ่งเป็นสาเหตุที่จังหวะขยับของหัวใจของเขาลดลง

โรบิน กล่าว “เขามีสายไฟ จอภาพ และท่อติดอยู่กับเขามากมาย ฉันต้องให้พยาบาลพาเขาออกไปพักกับฉัน “ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้อุ้มหรือกอดเขาเมื่อฉันต้องการ” สองสัปดาห์ต่อมาเราก็ได้กลับบ้าน

โรบินต้องประสบกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอดและ PTSD อันเป็นผลมาจากการคลอดที่กระทบกระเทือนจิตใจ “ฉันยังคงฝันร้ายว่าเขากำลังจะตาย แม้ว่าเขาจะมีความสุขและมีสุขภาพดีก็ตาม” เธอกล่าว “มันเป็นอารมณ์ที่เร่งรีบมาก เขาอายุก่อนกำหนดถึงเจ็ดสัปดาห์ และเรายังไม่ได้สร้างเตียงของเขาหรือเก็บกระเป๋ามาโรงพยาบาลด้วยซ้ำ”

หลังคลอดเขาถูกนำตัวไปที่ NICU ซึ่งกุมารแพทย์ต้องเป่าลมหายใจเพื่อช่วยชีวิตห้าครั้งจนกว่าเขาจะร้องไห้ครั้งแรก สิ่งนี้อาจยังทำให้เป็นปมในการตั้งท้องของฉัน

“คุณไม่สามารถดูได้ว่าทารกมีสายสะดือที่คอด้วยอัลตราซาวนด์หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะรู้ได้จนกว่าเขาจะเกิด”

“ถ้าไม่ใช่เพราะน้ำตาลในเลือดสูงของฉัน ฉันก็คงไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง และพวกเขาจะไม่ได้รับอัตราการเต้นของหัวใจของเขาลดลงเนื่องจากความทุกข์ และเขาก็จะไม่ถูกส่งก่อนเวลา และพวกเขาจะ ไม่เคยเห็นเขามีเชือกผูกไว้ที่คอเลย”

เธอต้องการส่งเสริมให้สตรีมีครรภ์เชื่อในสัญชาตญาณของตนเองและตรวจดูหากคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ฉันรู้ดีว่าการดื่มน้ำก่อนนั้นไม่ดีนัก แต่ฉันอยากเป็นผู้ป่วยที่ดีและไม่ตั้งคำถามกับการตัดสินใจทางการแพทย์ของพวกเขา” เธอกล่าวเสริม

“ฉันโชคดีมากที่สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันหมายความว่าลูกชายของฉันปลอดภัย และเป็นเรื่องตลกที่จะมองย้อนกลับไปและไตร่ตรองถึงข้อเท็จจริงที่ว่าขนมปังติดขัดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับลูกชายของฉันที่จะคลอดก่อนกำหนดและปลอดภัย”