แบงก์ชาติอเมริกาชี้ !! หญิงโสดจะรวยกว่าไม่โสด โดยการสำรวจสินทรัพย์ของครอบครัวตัวอย่าง

ข่าวต่างประเทศแบงก์ชาติต่างประเทศชี้ !! หญิงโสดจะรวยกว่าไม่โสด และผู้ชายที่โสดก็จะจนมากกว่าผู้ชายที่ “ไม่โสด” จากผลการสำรวจสมบัติของครอบครัวตัวอย่างที่พวกเขานั้นนำมาบอกว่า ผู้หญิงอเมริกันที่ยังโสดและยังไม่มีครอบครัวไม่มีลูกไม่มีพันธะ พวกเธอนั้นมีโอกาศที่จะร่ำรวยมากกว่าอีกกลุ่ม

หญิงโสดจะรวยกว่าไม่โสด และชายโสดก็จะจนกว่าชายที่ “ไม่โสด” บอกเลยใครที่สงสัยว่าทำไมเรื่องราวเป็นแบบนี้นั้นต้องมาดู

Bloomberg นั้นได้ข้อมูลใหม่จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ทำการทดลองแล้วบอกว่า โอกาสทางสังคมของหญิงสาวชาว American ที่ยังคงสถานะ “โสด” ยังไม่มีพันธะผู้มัดทั้งสามีและลูก พวกเธอเหล่านั้นมีโอกาสร่ำรวยและมั่งคั่งมั่นคงมากกว่าอีกกลุ่มอย่างมีความไม่น่าเชื่อ จากการสำรวจสมบัติของครอบครัวตัวอย่าง ซึ่งพวกเขานั้นพบว่าสาวโสดมีค่ามัธยฐาน ของทรัพย์สมบัติที่อยู่สูงกว่าผู้หญิงที่มีลูกและคู่ครองมากถึง 9 เท่าตัว

นอกจากนี้ Bloomberg ยังบอกอีกว่าพวกเขานั้นได้ไปพูดคุยกับหญิงสาวจำนวนมากมาย ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเธอนั้นถึงยังเป็น “โสด” และทำไมพวกเธอนั้นถึงสามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและในด้านต่างๆ หรือจะพูดง่ายๆก็คือพวกเขาไปถามว่าทำไมพวกเธอนั้นถึงร่ำรวยได้นั้นเอง ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือผลที่อกมานั้นบอกว่า ถ้านำคนโสดมาเปรียบเทียบกันมีผลออกมาว่า ผู้หญิง American นั้นร่ำรวยมากกว่าผู้ชาย American

และทางนั้น Bloomberg ยังมีข้อมูลจาก Bank of America ที่ค่อยข้างผิดแปลกออกมาว่า ถ้าเปรียบเทียบความต่างของผู้ชายที่ยังคงโสดกับผู้ชายที่แต่งงานมีครอบครัวมีลูกมีภรรยาแล้ว ผู้ชายที่มีลูกมีภรรยาแล้วเขาพวกนั้นกลับร่ำรวยมากกว่าผู้ชายที่ยังคงสถานะ “โสด” นิดหน่อยซึ่งพวกเขานั้นไม่ได้ให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่าทำไมเป็นแบบนั้น ซึ่งถ้าให้สรุปง่ายๆนั้นก็คือ บทความที่กล่าวมาเมื่อตอนต้นนั้นจะบอกเป็นในๆว่า ผู้หญิงที่ยังคงสถานะ “โสด” พวกเธอนั้นจะร่ำรวยมากกว่าผู้หญิงที่มีครอบครัว แต่ในทางกลับกันผู้ชายที่ยังคงสถานนะ “โสด” กับดูจนมากกว่าผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว

นี้คือข้อมูลที่หลายๆคนนั้นมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอ่านแล้วต้องมีความรู้สึกแปลกๆว่าทำไมผลที่ออกมาถึงเป็นอย่างงั้น และจะต้องการหาคำอธิบายมาตอบคำถามในใจ ซึ่งว่าคำตอบนั้นอาจจะต้องไปหาจากของผู้หญิงก่อนถึงจะทราบว่าของผู้ชายนั้นมันเป็นมาอย่างไร

ในส่วนของผู้หญิงนั้นอาจเป็นเพราะว่าเมื่อผู้หญิงนั้นมีครอบครัวและมีลูก โอกาสที่พวกเธอนั้นจะทำงานหาเงินนั้นก็จะขาดหายไป เพราะพวกเธอนั้นจะต้องเอาเวลาที่มีอยู่มาใช้กับครอบครัวโดยเฉพาะลูกๆ ซึ่งนี้มันคือเหตุผลที่ว่าทำไมผู้หญิงที่มีลูกนั้นถึงไม่ค่อยจะมีเงิน ถ้านำมาเปรียบเทียบกับผู้หญิงที่ยังคงสถานะ “โสด” ที่ร่ำรวยเพราะพวกเธอนั้นไม่ได้มีภาระที่จะต้องจ่ายเงินใดๆ ดังนั้นการไม่ได้ทำงานนั้นของผู้หญิงที่มีครอบครัวจึงเป็นเรื่องปกติที่หลายๆคนทราบดีอยู่แล้ว

แต่สำหรับเรื่องของผู้ชายถ้านำเรื่องของผู้หญิงมาเปรียบเทียบนั้นมันก็น่าจะมึนและน่าจะงงไม่น้อย  แต่ถ้าคิดในอีกมุมหนึ่งก็อาจจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น เพราะในสังคม America บางรัฐนั้นมีสวัสดิการน้อยมาก (ถ้าเทียบกับยุโรป) การเลี้ยงลูกนั้นต้องใช้เงินสูงปัญหานั้นอยู่ที่ถ้าเลือกได้สาวๆ นั้นก็คงไม่อยากลงหลักปักฐานกับผู้ชาย ที่มีสถานะทางการเงินที่ไม่ได้มากเท่าไหร่ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเธอจะเลือกผู้ชายที่พอมีฐานะทางการเงินที่ดีพอสมควร ก่อนที่พวกเธอนั้นจะตัดสินใจลงแต่งงานกับเขา นั่นทำให้คำอธิบายตัวเลขของฝั่งผู้ชายเลยออกมากลับกันว่า ผู้ชายที่ครอบครัวนั้นจะมีโอกาส “ร่ำรวย” มากกว่าผู้ชายที่ยังโสด

ถ้าหากว่าจะคอดต่อไปอีกว่า “ความรวย” นั้นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะไม่มีคู่นั้นมันก็เป็นไปได้ เพราะจากข้อมูลที่มีอยู่แล้วนั้นบอกว่า ผู้ยิ่งที่มีการศึกษา มีหน้าที่การงานที่ดี มีเงินเดือนที่สูง พวกเธอนั้นจะยิ่งตั้งมาตรรฐานคู่ครองที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นคนที่จะเป็นคู่ของพวกเธอก็จะต้องดีและรวยกว่าเธอแน่นอน

แต่ถ้าพวกเธอนั้นยังหาคู่ที่ตรงตามมาตรฐานของเธอไม่ได้ แน่นอนว่าพวกเธอนั้นก็ย่อมยอมอยู่เป็นสาว “โสด” ด้วยความยินดี และในทางกลับกันผู้หญิงที่มีฐานนะปานกลางไปถึงระดับที่ไม่ค่อนจะมี พวกเธอนั้นกลับมองว่าการแต่งงานการหาครอบครัวคือหนทางแห่งกการ “ร่ำรวย” ในอนาคต

ดังนั้นถ้าหากเราจะพิจารณาทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้น ทุกอย่างที่เล่ามาเมื่อตอนต้นก็น่าจะสมเหตุสมผลของมัน เพราะผู้หญิงที่มีฐานะทางการเงินที่ดีแสนดีพวกเธอนั้นเลือกที่จะไม่แต่งงาน แต่ผู้หญิงที่มีฐานตรงข้ามพวกเธอนั้นกลับมีความต้องการที่อยากแต่งงาน และมันก็ทำให้ผู้ชายที่ร่ำรวยมีโอกาสได้แต่งงานมากขึ้น ส่วนผู้ชายที่ฐานตรงกันข้ามก็จำเป็นที่จะต้องครองสถานนะ “โสด” ต่อไปซึ่งนี้มันคือผลที่ออกมาตรงกันทุกอย่าง

แม้ผลการทดลองงานวิจัยจะออมมาแบบนั้นแต่ถ้าว่าความเป็นจริงชีวิตครอบครัวของแจ่ละคนนั้นแตกต่างกันไป เพราะทุกคนนั้นมีความชอบไม่เหมือนกัน และแต่คนนั้นก็มีความฝันที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นข้อมูลที่เรานำมาให้ดูจึงไม่สำคัญมากเท่าไหร่ เพียงแค่มันอาจทำให้ใครหลายๆคนนั้นเข้าใจ “สังคม” ของคนบางกลุ่มขึ้นก็เท่านั้นเอง