ชาวบ้านร้อง! คนละครึ่ง 800 บาท ไม่เพียงพอจ่ายค่าครองชีพ จะดีต้อง 1,500 บาท

ข่าวทั่วไทย 29 ก.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังมีการอนุมัติไฟเขียว คนละครึ่ง 800 บาท ช่วยเหลือประชาชนแบกเบาค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลา 2 เดือน ครั้งนี้เป็นเฟสที่ 5 ชาวบ้านและแม่ค้าในตลาดที่บุรีรัมย์ วอนผ่านสื่อเพื่อร้องในรัฐบาลเพิ่มวงเงินถึงเพียงพอใช้จ่าย

ชาวบ้านร้อง! คนละครึ่ง 800 บาท ควรเพิ่มเป็น 1,500 บาท เพราะยุคข้าวของแพง จำนวนนี้ถึงจะสามารถใช้งานได้จริง แบกเบาค่าครองชีพ

คนละครึ่ง 800 บาท เฟส 5 ประชาชนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ออกมาร้องเรียนให้รัฐบาลเพิ่มวงเงินให้เป็นจำนวน 1,500 บาท เพื่อเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายซื้อขายของในยุคของแพง นี่คงจะเป็นการช่วยเหลืออย่างแท้จริง ช่วยให้มันสอดคล้องกับเศรษฐกิจในตอนนี้ด้วย ทุกคนประสบปัญหาวิกฤตของแพง และอีกอย่างมันจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นมาบ้างสำหรับพ่อค้าแม่ขาย

ในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ ครม.มีการอนุมัติคนละครึ่งเฟส 5 ในวงเงินจำนวน 800 บาท สำหรับผู้ที่มีสมัครแล้วหรือเป็นผู้มีสิทธิ์เดิมสามารถที่จะเข้ากดยืนยันสิทธิในวันที่ 19 สิงหาคม 2565 ส่วนของผู้ที่จะลงสมัครรายใหม่สามารถกดลงทะเบียนด้วยเช่นกันในวันเดียวกัน

เงินจะโอนเข้าระบบแอปฯเป๋าตังค์ วันที่ 14 กันยายน 2565 หลังจากที่ผู้สื่อข่าวลงไปสำรวจความคิดเห็นกับชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายชาวบุรีรัมย์ ครม.อนุมัติให้เงินช่วยเหลือประชาชนคนละครึ่งเฟส 5 ยอดเงิน 800 บาท จำนวนนี้มันน้อยไปและไม่เพียงพอทั้งยังไม่สอดคล้องกับยุคของแพงแบบนี้ ควรอัปวงเงินเป็น 1,500 บาท มันถึงจะแบ่งเบาภาระช่วยชาวบ้านได้จริง

ทุกคนที่มีสิทธิรับเงินโครงการคนละครึ่งล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า โครงการนี้ดีและช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ดี แต่มองว่าวงเงินที่อนุมัติล่าสุดมันน้อยจนเกินไป เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคทุกวันนี้ปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสินค้าแพง รัฐบาลควรที่จะมีโครงการช่วยเหลือแบบนี้ต่อไป

ทั้งนี้แม่ค้าแผงผักตลาดสดเมืองบุรีรัมย์ได้ออกมาเล่าว่า รู้สึกดีใจที่รัฐบาลมีโครงการคนละครึ่งและอนุมัติเฟสที่ 5 เพราะแม่ค้าเองก็จะสามารถขายสินค้าได้มากขึ้นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกแบบ ช่วงนี้ของแพงขึ้นเยอะ..ทำให้ประชาชนปรับตัวไม่ค่อยมาซื้อสินค้า ยอดขายจึงลดลง!

คนละครึ่งเฟส 5 กลับมาอีกครั้ง..เชื่อว่ายอดขายสินค้าจะกระเตื้องมากขึ้น หากไม่เป็นการขอมากเกินไปอยากให้รัฐบาลเพิ่มเงินให้อีกจากที่จะให้ 800 บาท เพิ่มมาเป็น 1,500 บาท ทั้งนี้ก็เพื่อให้มันสอดคล้องกับยุคของแพงกับสถานะการณ์ปัจจุบัน มันจะช่วยกระตุ้นการขายได้ขึ้นมาบ้าง