ตำรวจล่า 7 โจร อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ปล้นทรัพย์นักธุรกิจจีน ได้เงินไปร่วม 1.2 ล้านบาท ก่อนจะรีบหลบหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานตำรวจล่า 7 โจรโฉด ภายหลังจากอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการบุกตรวจค้นบ้านของนักธุรกิจชาวจีน จากนั้นก็ฉวยโอกาสปล้นทรัพย์สิน จับได้ 5 หลบหนี 2 ราย ความเสียหายอยู่ที่ 1.2 ล้านบาท วันเกิดเหตุมีแต่ผู้หญิงและเด็กอยู่ในบ้านโจรจับมัดมือบังคับเปิดตู้เซฟเชิดเงินและทองร่วมถึงปืน

ตำรวจล่า 7 โจร หลังจากอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจบ้านนักธุรกิจจีน ขโมยทรัพย์สินเสียหายไปกว่า 1.2 ล้านบาท  2 ผู้ต้องหาหลบหนี ยังไม่พบตัว!

เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.หนองปรือ จังหวัดชลบุรี โดยรองผู้บังคับการตำรวจ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้มอบหมายงานให้กับพลตำรวจโทอิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการภาค 2 พร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.หนองปรือ จำนวน 100 นาย เข้าจับกลุ่มผู้ต้องหา จำนวน 7 คน จากผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ที่ได้ร่วมมือกันเข้าไปปล้นบ้านนักธุรกิจชาวจีน ด้วยการอ้างเป็นเจ้าหน้าที่.. ได้แก่

1.นายสรนันท์ วัย 40 ปี

2.นายสุเทพวัย 36 ปี

3.นายเอกชัยวัย 40 ปี

4.นายภัทธวัชร วัย 52 ปี

5.นายกฤษฎา วัย 45 ปี

6.นายนฤนาท วัย 37 ปี

7.นายอัครพันธ์ วัย 29 ปี

สำหรับผู้ต้องหาที่สามารถหลบหนีไปได้ภายหลังจากก่อเหตุลักทรัพย์ ได้แก่

1.นายสมชายวัย 40 ปี

2.นายบุญทวีวัย 29 ปี

ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นบ้านนักธุรกิจชาวจีนมีทั้งหมดรวมกัน 9 คน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งข้อหาดำเนินคดี 1.ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธข่มขู่ 2.ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ว่าจะด้วยประการใดๆ ซึ่งทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในการเคลื่อนไหวร่างกาย

เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา คนร้ายทั้ง 9 ได้เข้ามาบุกภายในบ้านพัก land and house ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.13 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เจ้าของบ้านคือนักธุรกิจชาวจีนนามว่า “ชาง” วัย 40 ปี

นายชางได้เล่าว่าผู้ต้องหาทั้งหมดได้แต่งตัวในเครื่องแบบตำรวจ พร้อมกลับได้สวมถุงมือรัดกุม ทั้งหมดได้มีการวางแผนมาอย่างดี เดินทางมาด้วยรถยนต์คันสีขาวจำนวน 2 คัน ก่อนที่จะบุกเข้าบ้านมาแล้วก็อ้างตัวว่าเป็นตำรวจก่อนจะแสดงหมายค้น หลังจากนั้นก็ได้จับผู้หญิงที่อยู่ภายในบ้านจำนวน 2 คน เด็กหญิงวัย 9 ขวบ พวกเขาจับทั้งหมดไปมัดมือเอาไว้ ด้วยขณะที่คนร้ายเข้ามาปล้นบ้าน นายช่างไม่ได้อาศัยอยู่บ้านในขณะนั้น..โดยเขาได้เดินทางไปทำธุรกิจที่ประเทศกัมพูชา คนร้ายเมื่อได้จับคนภายในบ้านมัดมือและขังเอาไว้แล้วก็เริ่มก่อเหตุหรือขนเพื่อหาทรัพย์สินที่มีค่าภายในบ้านพัก ทั้งยังได้บังคับให้คนในบ้านไปเปิดตู้เซฟ เพื่อที่พวกเขาจะนำเอาทองรูปพรรณจำนวน 7 บาท และมีเงินสดอยู่ในนั้น 700,000 บาท มีอาวุธปืน 11 มม. มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่เสียไปจำนวน 1.2 ล้านบาท ด้วยที่คนร้ายวางแผนมาเป็นอย่างดีได้ยึดเอาโทรศัพท์ของคนที่อยู่ในบ้านทั้งหมดเอาไว้ จากนั้นก็ได้หลบหนีออกจากบ้านหลังเกิดเหตุโดยทันที ข้อมูลเปิดเผยอีกว่าคนร้ายทั้งหมดได้ใช้เส้นทางหลบหนีมุ่งหน้าไปยังตำบลโป่ง วิ่งรถบนถนนสัตหีบ-สีมา หมายเลขถนน 331 มุ่งหน้าไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา

เวลาต่อมาภายหลังจากโจรเข้ามาปล้นทรัพย์บ้านนักธุรกิจชาวจีน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวมกำลังพลเร่งสืบค้นและตามรอยผู้ก่อเหตุทั้งหมด โจรกลุ่มนี้มีการวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดีในการโจรกรรม ทำให้ตำรวจไม่สามารถจับร่องรอยหรือลายมืออะไรในที่เกิดเหตุได้เลย ทำให้เจ้าหน้าที่จึงต้องแกะรอยด้วยการตรวจค้นจากภาพวงจรปิดภายในที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง กล้องวงจรปิดบนถนนสายต่างๆ จนได้มาพบหลักฐานว่าผู้ก่อเหตุใช้รถจำนวน 4 คันเพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่เร่งติดตามจนสามารถจับกุมได้จำนวน 6 คน ภายในเขตพื้นที่ของจังหวัดฉะเชิงเทรา แถมยังได้ยึดรถเป็นของกลางเอาไว้จำนวน 4 คัน ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นก็สามารถจับกุมคนร้าย 1 คน ขณะอยู่ในจังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมคนร้ายทั้ง 7 เข้ามาสอบสวนและขยายผลในการก่อเหตุที่ สภ.หนองปรือ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 ราย ยังคงหลบหนีไปได้ อย่างไรก็ตามคนร้ายที่ยังคงหลบหนี และแล้วพวกเขาทั้งสองได้ติดต่อประสานงานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการมอบตัวหลังจากพรรคพวกถูกจับไป 7 คน

ทั้งนี้ทางด้านพลตำรวจโทอิทธิพล ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลในเบื้องต้นว่ากลุ่มของคนร้ายพวกเขาคิดผิดอย่างมหันต์ที่จะก่อเหตุในพื้นที่ซึ่งของตำรวจภูธรภาค 2 รับผิดชอบ! อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้สืบค้นจนทราบข้อมูลอันแน่ชัดว่าคนร้ายทั้งหมดถูกจ้างมาอีกทีให้เข้าปล้นบ้านนักธุรกิจชาวจีน เครื่องขยายผลได้ว่าผู้ว่าจ้างคือ 3 คนนี้ ได้แก่ 1.นายตูน 2.นายหมึก 3.นายโจ ทั้ง 3 ได้ให้ข้อมูลแก๊งโจรกรรมว่า บ้านของนักธุรกิจชาวจีนรายนี้มีทรัพย์สินอยู่ 200 ถึง 400 ล้านบาท ถ้าหากเก้าผู้ต้องหาสามารถปล้นมาได้ก็จะแบ่งทรัพย์สินให้คนละเท่าๆกัน 15 ล้านบาท แต่เมื่อทั้งหมดเข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์ภายในบ้านหลังดังกล่าวก็ได้เงินมาเพียง 1.2 ล้านบาทเท่านั้น การก่อเหตุเกิดขึ้นขณะที่นักธุรกิจชาวจีนเดินทางไปประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตามนักธุรกิจชาวจีนก็ยังไม่ได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งที่จะตรวจสอบธุรกิจที่เขาทำว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร มีข่าวลือถึงหูคนร้ายว่ามีทรัพย์สินจำนวนมากจนต้องวางแผนเพื่อที่จะมาปล้นชิงทรัพย์ในครั้งนี้