สาวอ้างไม่ชินทาง ขับเก๋งจนยางแตกพุ่งใส่รางรถไฟ เลี้ยวผิดชีวิตเปลี่ยน!

ข่าวทั่วไทย วันที่ 28 เมษายน 2565 รายงานจกผู้สื่อข่าว เกิดอุบัติเหตุระทึกเช้ามืด สาวอ้างไม่ชินทาง จนเป็นเหตุให้ขับรถพุ่งเข้ามาขวางรางรถไฟ ใต้ท้องรถติดกับเนินหิน ล้อยางรถแตกดีไม่ระเบิดและขบวนรถไม่มา

ระทึก! เจ้าหน้าที่วิ่งตามหยุดรถ สาวอ้างไม่ชินทาง เลี้ยวผิดเข้ามารางรถไฟ มุ่งหน้าเข้า กรุงเทพฯ โชคยังดีไม่มีขบวนรถไฟสวนทางมา

เวลาประมาณ 02.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ได้รับแจ้งอุบัติเหตุระทึก สาวอ้างไม่ชินทาง ขับเก๋งพุ่งไปขวางรางรถไฟ บริเวณเกิดเหตุอยู่ออกห่าง “สถานีบางเขน” ประมาณระยะ 500 ม. เส้นทางรถไฟเลียบไปกับ ถ.กำแพงเพชร 6 ตลาดบางเขน หลักสี่ กรุงเทพมหานคร ตำรวจเร่งนำกำลังรุดเข้าตรวจพื้นที่ และประสานงานติดต่อไปหาเจ้าหน้าที่การรถไฟสอบถามตารางขบวนเดินรถ เพื่อคำนวนเวลาเอารถยนต์ออกได้ทันเวลาใช้งาน

เมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปถึงที่เกิดเหตุ ได้พบเข้ากับ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Mazda สีเทา หมายเลขทะเบียน 6 กภ 9069 กทม. บริเวณด้านหน้าของรถด้านขวาพบมีรอยเฉี่ยวไปชนบางอย่าง ทำให้รถยุบพังเสียหาย ทั้งนี้ล้องยางรถด้านซ้ายแตก ลักษณของรุยนต์ขณะนั้นจอดขวางรางการเดินขบวนรถไฟเส้น เหนือ-อีสาน

เจ้าหน้าที่เร่งประสานงานรถยก เพื่อยกลากรถยนต์คันดังกล่าวออกไปให้พ้นเพื่อไม่กีดขวางขบวนรถไฟ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาปฏิบัติงานไป 1 ชม. ผู้ขับขี่รถเก๋ง คือ หญิงสาววัย 24 ปี ตำรวจได้เชิญตัวไปให้ปากคำ พร้อมตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ณ สน.ทุ่งสองห้อง

ทางเจ้าพนักงานประจำสถานีรถไฟบางเขน ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ระบุว่า เวลาที่เกิดเหตุตนเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่เฝ้าสถานีตามปกติ ตนได้ยินเสียงคล้ายรถยนต์คาดว่าขับรถมาด้วยความรุนกว่าปกติ ไม่นานรถดังกล่าววิ่งเข้ามาในบริเวณเขตรางรถไฟ ซึ่งเป็นทางมุ่งหน้าไปหลักสี่ ตนพยายามวิ่งไล่ตามพร้อมไปกับตะโกนเรียกให้คนขับหยุดรถ รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับเลยออกไปกว่า 500 ม. ได้หยุดลงให้ที่สุด เพราะขณะนั้นรถยนต์ได้พุ่งเข้าไปขวางรางรถไฟ บริเวณใต้ท้องรถติดกับเนินหินรางรถไฟ อย่างไรก็ตาม หญิงสาววัยรุ่นได้บอกว่า เหตุที่ขับเข้ามาเพราะหลงทางและเลี้ยวผิดบวกกับไม่คุ้นชินกับทาง

เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นโชคดีมาก เพราะเป้นช่วงเวลาที่ขบวนรถฟังไม่ผ่านมา ขบวน เด่นชัย-กรุงเทพ เวลาเดินรถตามตาราง 04.00 น. ซึ่งเหตุเกิดเวลา 02.00 น. กู้รถออกจากราง 1 ชั่งโมง ความเสียหายที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และสรุปเรียบเรียงข้อมูลตามขั้นตอน