เจ้าของบ้านซ้อมขโมย “ตาย” ญาติคนตาย “งง” ตำรวจไม่ทำคดีอ้างเจ้าของบ้านสามารถป้องกันทรัพย์สินได้

เจ้าของบ้านซ้อมขโมย จนช้ำในตายอยู่ภายในบ้าน เพราะไปขโมยกัญชา ญาติคนตาย “งง” ข่าวทั่วไทย ว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่จับและไม่ทำคดีให้ก่อนจะให้เหตุผลกลับมาว่าเจ้าของบ้านสามารถป้องกันทรัพย์สินของเขาได้ด้วยวิธีนี้ เพราะคนตายนั้นเข้าไปขโมยทรัพย์สินอยู่ภานในบ้านของเขา

เจ้าของบ้านซ้อมขโมย ช้ำในตายเพราะมาขโมยกัญชาอยู่ภายในบ้าน ญาติติดใจ ว่าทำไมตำรวจไม่จับและไม่ทำคดีให้

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้มีครอบครัวหนึ่งเดินทางไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่สถานีตำรวจจังหวัดอุดรธานี เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้กับญาติที่เสียชีวิตไป เพราะถูกเจ้าของบ้านทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะเข้าไปขโมยกัญชาที่เจ้าของบ้านหลังนั้นปลูกเอาไว้ ญาติของผู้เสียชีวิตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่าเรื่องราวดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. ผู้ตายหรือนั้นมีชื่อว่าคำดีนั้นเป็นพ่อหม้านมีลูกชายอยู่หนึ่งคน เขานั้นพักอาศัยอยู่ที่กระท่อมญาตินั้นบอกว่าผู้ตายนั้นเป็นคนที่ชอบเสพกัญชามาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น

และเขานั้นก็ได้แอบเข้าไปขโมยกัญชาของเพื่อนบ้านจริงๆ ก่อนที่เขานั้นจะถูกเจ้าของบ้านจับได้ แล้วเขาก็เข้ามารุมทำร้ายร่างกายผู้ตาย ตอนที่เขานั้นพยายามคลานออกมาจากบ้านหลังนั้นก็ถูกเจ้าของบ้านตามมาทำร้ายร่างกายต่อจนแน่นิ่งไป ก่อนผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนั้นจะเข้ามาช่วยเหลือ แล้วนำตัวของผู้ตายนั้นส่งไปโรงพักวังสามหมอ โดนแจ้งข้อหาทะเลาะวิวาทและจับผู้ตายให้ติดคุกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนที่จะเปรียบเทียบปรับ 500 บาท และปล่อยตัวออกมาในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมาหลังจากถูกปล่อยตัวผู้ตายได้กลับมาที่บ้านหลังจากนั้นมาก็นอนซมอยู่ที่บ้านมาตลอด

ผู้ตายไม่ออกนอกบ้านเลยเพราะร่างกายของเขานั้นถูกทำร้ายอย่างหนักมากหนักจนไม่สามารถกินข้าวกินปลาได้ และมีอาการอ้วกออกมาเป็นเลือดขับถ่ายออกมาเป็นเลือด แต่อาการดังกล่าวนั้นญาติไม่ทราบเพราะผู้ตายนั้นไม่ได้ออกมาให้เห็นที่นอกบ้านจนกระทั่งวันที่ 23 พฤศจิกายน มีเพื่อนบ้านมาบอกว่านายคำดีอาการไม่ดี ญาติพี่น้องเลยได้พาเขาส่งไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และแพทย์ก็ได้ให้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 4-5 วัน และในวันที่ 27พฤศจิกายน 2565 เขาก็ปฎิเสธการรักษาไม่ต้องการให้แพทย์สอดสายยางให้อาหารทางจมูก เพราะตอนนั้นหมอไม่ได้รับข้อมูลว่าเขาถูกทำร้ายร่างกายมา

และเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา เขาก็ได้เสียชีวิตและได้ทำทำการฌาปนกิจไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่เขานั้นเข้าไปขโมยกัญชาเขามีชีวิตอยู่ต่อได้ประมาณ 14 วัน เพราะไม่สามารถเดินหรือกินอาหารได้หลังจากนั้นก็เสียชีวิต แต่พอไปแจ้งตำรวจกลับไม่ทำคดีให้ เจ้าหน้าที่นั้นให้เหตุผลมาว่าผู้ตายนั้นเข้าไปขโมยของที่บ้านของคนอื่น ซึ่งเป็นว่าเจ้าของบ้านสามารถป้องกันทรัพย์สินของตัวเองได้ด้วยวิธีดังกล่าว และมีหลักฐานจากภาพวงจรปิดในตอนที่ผู้ตายนั้นเข้าไปขโมยกัญชาก่อนหน้านี้ ซึ่งญาติติดใจคิดว่าไม่ถูกต้องเพราะผู้ตายไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยมาก่อน

อีกทั้งหลังจากที่ถูกทำร้ายกายจนต้องนอนป่วยและเสียชีวิตที่ผ่านมา ญาติก็เคยไปพูดคุยกับคู่กรณีแล้วแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง จึงไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะแจ้งความดำเนินคดีกับคนทำร้ายร่างกายนายญาติที่ตายไปแล้ว แต่ทางตำรวจก็พูดข่มขู่ครอบครัวของเราจนทำให้เกิดความกลัวและไม่กล้าที่จะแจ้งความ ญาติของผู้ตายยังเล่าต่ออีกว่าตั้งแต่ผู้ตายนั้นถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส คู่กรณีไม่เคยมาเหลียวแลหรือไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปให้มาไกล่เกลี่ยก็ไม่ยอมมาจนกระทั่งตายไปแล้ว เขายังมาพูดใส่อีกว่าถ้าอยากได้เงินให้ไปฟ้องเอาแล้วเขาก็จะฟ้องเราเหมือนกันที่ไปขโมยต้นกัญชาราคาเป็นแสน

หลังจากที่นายคำดีตายไปแล้วญาติก็พยายามเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นกลับบอกแต่ว่าญาติของเรานั้นผิดเองที่ไปขโมยของเขาในตอนกลางคืน จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรยอมรับว่าผิดที่ไปขโมยของแต่น้อยใจที่บอกว่าฝั่งเราผิดอย่างเดียวโดยไม่ช่วยเหลือจึงมาร้องขอความเป็นธรรมในวันนี้

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เพราะเพิ่งจะได้รับฟังเรื่องราวจากหนึ่งฝั่งเท่านั้น แต่จากข้อมูลที่ได้รับฟังเชื่อว่าสามารถแจ้งข้อกล่าวหาคู่กรณีได้ คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา หรือ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จะสั่งให้พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการสอบปากคำทั้งสองฝ่าย