วันที่ 24 สิงหาคม 2564 เวลา 09.30 น. นักข่าวรายงาน ศาลจังหวัดอุดรธานี ได้มีการอ่านคำพิพากษา ประหารชีวิต นายอิทธิพล อิ่มผึ่ง หรือ แจ็ค อายุ 31 ปี คนร้ายคลั่งก่อเหตุใช้อาวุธมีดไล่แทงผู้คนบนท้องถนน ในขณะที่กำลังกลับจากงานประจำปีทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุดรธานี จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นางสาว ชลดา หรือ น้องจูน อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีชั้นปีที่ 4 และนางสาว อัญชญา อายุ 16 ปี หรือ น้องอุ๋งอิ๋ง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล อีกทั้งยังผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 ราย ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา
เปิดใจครอบครัว น้องอุ๋งอิ๋ง ดีใจที่ศาลตัดสินโทษประหารชีวิต
โดยศาลฯ ได้มีการอ่านคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ,371 การกระทำของจำเลย ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม กระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยฐานฆ่าผู้อื่น ตัดสินให้ประหารชีวิต ทั้งสองกระทง ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิตทั้งหกกระทง ฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยที่ไม่มีเหตุสมควร โทษปรับ 1,000 บาท เมื่อทำการรวมโทษทุกกระทงเรียบร้อยแล้ว ตัดสินให้ประหารชีวิต พร้อมปรับ 1,000 บาท
ศาลได้มีการพิจารณ์แล้วว่า ลักษณะการกระทำผิดของจำเลย เป็นการกระทำที่อุกอาจ โดยใช้อาวุธมีดแทงผู้บริสุทธิ์ถึง 8 คน บริเวณกลางถนน ภายในตัวเมืองอุดรธานี และเป็นช่วงเวลาที่มีงานประจำปีของจังหวัด โดยถือว่าเป็นการกระทำที่มีความโหดเหี้ยม ทารุณ อำมหิตผิดมนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ส่งผลต่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยของสังคม พฤติกรรมดังกล่าวจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ถึงแม้ว่าจำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่ก็มิได้เกิดความสำนึกผิด แต่ทว่าจำนนต่อหลักฐาน จึงไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงทำให้ไม่เหตุบรรเทาโทษ ที่สมควรจะทำการลดโทษให้กับจำเลย จึงได้ตัดสินโทษให้ประหารชีวิต
เวลาประมาณ 15.00 น. นักข่าวได้เดินทางมาพบกับ นายคำสิงห์ ซึ่งเป็นพ่อของน้องอุ๋งอิ๋ง ที่ร้านบิ๊กโฮมวัสดุ อยู่ในพื้นที่ อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยผู้เป็นพ่อได้เปิดใจกับทางผู้สื่อข่าว หลังจากที่ศาลได้ทำการตัดสินให้ประหารชีวิต แจ็คหนุ่มคลั่ง ที่ได้มีการใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่บริเวณคอของลูกสาวคนสุดท้อง ว่า ตนได้ทราบผลการตัดสินแล้วจากทนาย ศาลได้ตัดสินประหารชีวิต แจ็ค ซึ่งสาเหตุที่ไม่ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษา เนื่องจากอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 มีเพียงทนายที่ได้เดินทางไปรับฟังคำพิพากษาและแจ้งข่าวกลับมาว่าปรับ 1,000 บาท และชดใช้ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 1 ล้าน 3 แสนบาท
เมื่อทนายได้แจ้งว่าศาลได้ตัดสินให้ประหารชีวิต แจ็คหนุ่มคลั่ง ซึ่งตนน้ำตาคลอ มีความรู้สึกดีใจที่ศาลสันติดออกมาอย่างนั้น แต่ก็ยังมีความเสียใจ เนื่องจากมันไม่คุ้มค่ากับการที่จะต้องสูญเสียลูกสาวไป โดยที่นายคำสิงห์พูดไปน้ำตาคลอไปด้วย ซึ่งได้เล่าว่าหลังจากที่น้องอุ๋งอิ๋ง ถูกแทงเสียชีวิต ตนรู้สึกคิดถึงลูกสาวทุกวัน ไม่มีวันไหนที่ตนไม่คิดถึงลูก เนื่องจากลูกเป็นแก้วตาดวงใจของตน เวลาที่ตนขับรถไปที่ไหน เมื่อเห็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกสาวยืนขายพวงมาลัย ขายของตามสี่แยก ทำให้ตนคิดถึงลูก โดยบางครั้งตนก็ร้องตะโกนออกมาดังๆ คนเดียวแต่ก็ไม่ได้เล่าให้ภรรย ลูกสาวและลูกชายฟัง
พ่อคำสิงห์ ยังกล่าวอีกว่า หากว่าน้องอุ๋งอิ๋งรับรู้ได้ ก็อยากจะบอกว่า วันนี้ศาลได้ตัดสินให้ประหารชีวิต แจ็คหนุ่มคลั่งแล้ว ก็อยากจะขอให้ลูกหมดห่วง และเมื่อคืนภรรยาของตนฝันถึงน้องอุ๋งอิ๋ง ทั้งๆ ที่ไม่เคยฝัน เหมือนว่าลูกสาวรับรู้ในวันนี้ศาลตัดสินประหารชีวิต แจ็คหนุ่มคลั่ง
น.ส.สุจรรยา หรือ น้องบิ๋ง ซึ่งเป็นพี่สาวของอุ๋งอิ๋ง ได้ออกมาเปิดใจทั้งน้ำตาว่า วันเวลาผ่านมากว่า 8 เดืนแล้วที่น้องอุ๋งอิ๋งเสียไป เมื่อตนพูดถึงน้องสาวทีไรก๊อกน้ำตาไหลไม่ได้ โดยพูดไปสะอื้นไป อีกทั้งยังบอกอีกว่า รู้สึกดีใจที่ศาลได้ตัดสินให้ประหารชีวิต แจ็คหนุ่มคลั่ง แต่ทว่าการที่ต้องเสียน้องสาวสุดที่รักไป เอาอะไรมาแลกก็ไม่คุ้ม จะได้เงินเยอะหรือชีวิตคนรอบข้างเขาก็ไม่คุ้มอยู่ดี
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์