หอพักกลายเป็นคุก: ป้าเจ้าของหอมหาภัย ในโลกออนไลน์ขณะนี้กำลังเป็นกระแสเดือดข่าวเด่นออนไลน์ หลังมีนักศึกษาหญิงรายหนึ่งออกมาโพสต์ประสบการณ์สุดช็อกเกี่ยวกับ “หอพักมหาภัย” ย่านมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ โดยเผยว่าเมื่อเธอขอย้ายออกก่อนกำหนด กลับถูกเจ้าของหอพักบุกเข้าห้องมายึดของ กักขังไว้หลายชั่วโมง พร้อมเรียกค่าปรับถึง 10,000 บาท อ้างว่า “ผิดสัญญาเช่า”
นักศึกษาผวา! ป้าเจ้าของหอมหาภัย หอพักเจ้าปัญหาเรียกเงินหมื่น ขังคนย้ายออก
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่กรณีแรก เพราะเมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีนักศึกษาหลายรายเข้ามาแชร์ประสบการณ์คล้ายกัน บ้างถูกข่มขู่ บ้างโดนกลั่นแกล้งด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ตัดน้ำตัดไฟ ล็อกประตูไม่ให้เข้าออก รวมถึงบางคนที่ย้ายออกไปแล้ว ยังถูกโทรตามรบกวนและเรียกเงินย้อนหลังแบบไม่มีเอกสารอ้างอิง
โซเชียลแฉสนั่น “หอพักมหาภัย” ยึดของไม่แจ้ง กักขังไม่แจ้งความ เจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้งเหยื่อ
จากโพสต์ต้นทาง นักศึกษารายดังกล่าวเล่าว่า ตนได้เช่าหอพักในราคาประมาณ 4,500 บาทต่อเดือน พร้อมสัญญาเช่า 6 เดือน แต่เมื่อถึงเดือนที่ 4 เธอมีเหตุจำเป็นต้องย้ายออก และแจ้งเจ้าของล่วงหน้าตามข้อตกลง แต่เจ้าของหอกลับไม่พอใจ ใช้วิธีข่มขู่ บุกห้องพร้อมล็อกประตูจากด้านนอก และขู่จะไม่ให้ขนของออกไป หากไม่จ่ายค่าผิดสัญญา
ที่แย่กว่านั้นคือ เมื่อเธอไปแจ้งความกลับถูกตำรวจบางรายปฏิเสธไม่รับแจ้ง โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่อง “ส่วนตัวระหว่างผู้เช่ากับเจ้าของบ้าน” จนเกิดคำถามตามมามากมายเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย และสิทธิของผู้เช่าในประเทศไทย
ผู้เช่าแห่แชร์ประสบการณ์ ซ้ำรอยพฤติกรรมเดิม—กดดัน จิตวิทยา และปิดทางกฎหมาย
ภายใต้โพสต์ข่าวต้นทาง มีผู้คอมเมนต์แชร์ประสบการณ์อย่างล้นหลาม มีทั้งนักศึกษาชายและหญิงที่เจอปัญหาแบบเดียวกัน บางรายระบุว่าเจ้าของหอเคย “บุกค้นห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต” บ้างบอกว่าโดน “เก็บเงินค่าไฟแบบเกินจริง” และหลายคนไม่กล้าแจ้งความ เพราะกลัวถูกตามรังควาน
สถานการณ์นี้ข่าวเด่นทำให้สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในหอพักรอบมหาวิทยาลัยหลายแห่ง โดยเฉพาะหอที่ไม่ขึ้นทะเบียน ไม่ได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ด้านนักกฎหมายชี้ “สัญญาไม่เป็นธรรม” ยึดของ-กักขัง มีสิทธิดำเนินคดีอาญา
ทนายความด้านสิทธิผู้บริโภคได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า หากเจ้าของหอพักมีการยึดของผู้เช่าโดยพลการ ถือเป็นการ ลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์ ส่วนการกักขังไม่ให้ผู้เช่าออกจากห้อง ก็เข้าข่าย หน่วงเหนี่ยวกักขัง ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้
ในส่วนของสัญญาเช่าที่ระบุว่าผู้เช่าต้องจ่ายค่าปรับหลายพันถึงหมื่นบาท หากย้ายออกก่อนครบกำหนดนั้น หากไม่มีการอ้างอิงตามกฎหมายและไม่ผ่านการรับรองจากกรมคุ้มครองผู้บริโภค อาจเข้าข่าย สัญญาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งศาลสามารถสั่งให้เป็นโมฆะได้
เสียงสะท้อนจากประชาชนจำนวนมากในโลกออนไลน์ข่าวเด่นประจำวันเริ่มดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายคนเรียกร้องให้กระทรวงการอุดมศึกษาและหน่วยงานท้องถิ่นเข้ามาตรวจสอบหอพักเถื่อนที่มีพฤติกรรมข่มขู่นักศึกษา เพราะปัญหาเช่นนี้สะท้อนถึงความล้มเหลวในการกำกับดูแลของภาครัฐ และยังทำลายความรู้สึกปลอดภัยของเยาวชนที่ต้องมาเรียนไกลบ้าน
สรุป: ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่คือสิทธิของผู้เช่าที่ต้องได้รับการคุ้มครอง
คดีนี้กำลังถูกจับตามองจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา นักกฎหมาย หรือหน่วยงานสิทธิมนุษยชน เพราะสะท้อนถึงปัญหาการใช้สิทธิเกินขอบเขตของผู้ให้เช่า และช่องโหว่ของการบังคับใช้กฎหมายไทยในเรื่อง “หอพักเอกชน”
ขณะที่ผู้เสียหายจำนวนมากยังคงรอความยุติธรรม สังคมเองก็ควรช่วยกันส่งเสียง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาทบทวนมาตรการควบคุมหอพักให้จริงจังมากยิ่งขึ้น ก่อนที่หอพักจะกลายเป็น “กับดักนักศึกษา” แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9