ล่าสุด อดีตผู้อำนวยการเปิดใจ คู่กรณีแม่แมงมุม เหตุเกิดเพราะหายเงียบ

ข่าวล่าสุด หลังเป็นข่าวดาราม่าแม่ดาราหนีหนี้ อดีตผู้อำนวยการเปิดใจ ออกมาพูดครั้งสุดท้าย ลั่นสาเหตุที่ร่ำไห้กับสื่อจนกลายเป็นข่าวใหญ่ สาเหตุหลักเกิดจากที่ดาราหนุ่ม “แมงมุม” ขาดการติดต่อเพื่อใช้หนีแทนแม่

อดีตผู้อำนวยการเปิดใจ คู่กรณีแม่แมงมุม ปมค้ำปะกันใช้หนี้แทน ร้องไห้ออกสื่อ เหตุเกิดเพราะดาราหนุ่ม ขาดหายจากการติดต่อคืนเงิน โดยบอกว่าเปลี่ยน ผจก. ยอมจบด้วยดี!!

อดีตผู้อำนวยการเปิดใจ หลังหนุ่มแมงมุมร่ายยาวบนไอจีส่วนตัวล่าสุด แจกแจงรายละเอียดเรื่องหนี้สินของผู้เป็นแม่และปัญหาอุปสรรคที่ตัวเขาปล่อยละเลยจนเรื่องบานปลายจนกลายเป็นดราม่าข่าวดัง ถูกสังคมหยิบยกมาพูดเป็นกระแส

นายวินัย สังขวรรณะ อายุ 65 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านผาปูน ตำบลอมก๋อย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดออกมาเปิดใจครั้งสุดท้าย ภายหลังจากที่ดาราหนุ่ม “แมงมุม-กิติพัฒน์” หรือ นายกิติพัฒน์ รัตนเศรณี โพสต์ประกาศร่ายยาวผ่านไอจี และโชว์หลักฐานการโอนเงินให้กับคู่กรณีแม่ของตัวเอง หลังจากหนีหายขาดการติดต่อไปหา ผู้อำนวยการที่เป็นคนเซ็นค้ำประกันให้แม่ของเขา ซึ่งเป็นคนไปกู้ยืมเงินภายในกลุ่มครู 8 คนที่ค้ำประกัน สำหรับเรื่องหนี้สินนับว่าเป็นเรื่องราวใหญ่โตและสร้างความเครียดให้กับคนเป็นหนี้อย่างมาก มากไปกว่านั้นหากคนที่ไม่ได้ยืมแต่ต้องมาใช้หนี้แทนคนอื่นเพราะไปเซ็นค้าประกันให้เขา บางรายถึงขั้นเครียดหนักและอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายได้เลย

อดีตผอ.เผยว่า หลังจากที่มีสื่อมวลชนนำเรื่องราวทั้งหมดไปตีข่าวอีกครั้งในล่าสุดนี้ จากนั้นก็มีผู้หญิงติดต่อมาหาที่ ผอ. เขาบอกว่าเป็นหนึ่งในทีมงานของดาราหนุ่ม “แมงมุม-กิติพัฒน์” ระบุติดต่อมาเพื่อขอเจรจาและอยากทราบเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับที่มาที่ไปของหนี้ก้อนนี้ และถามว่า อดีตผอ.ต้องการเงินทั้งหมดเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามอดีตผอ.ได้เรียกเงินเฉพาะส่วนที่ตัวเองเก็บหลักฐานเอาไว้ คือ จำนวน 600,000 บาท ซึ่งในความเป็นจริงมันยังมีอีกยอดจำนวน 200,000 บาท ทว่าเงินในส่วนนี้ไม่มีหลักฐานมายืนยันให้และมันก็ผ่านมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปีมาแล้ว ผ่านไปสักพักทางดาราหนุ่มและผู้จัดการได้ติดต่อเข้ามา เมื่อได้พูดคุยทำความเข้าใจกันใหม่เรื่องทั้งหมดได้จบลงด้วยดี ทั้งนี้ดาราหนุ่มเขาบอกไม่ได้เงียบหรือจะขาดการติดต่อ แต่ทางผอ.ไปติดต่อเขาไปเอง แต่ความจริงผอ.ก็ติดต่อผ่านไปยังผู้จัดการของเขาไป จากนั้นเขาเลยมาบอกว่าคนที่ผอ.ติดต่อไปนั้นเป็น ผจก.คนเก่า

นายวินัย ได้เผยว่า ไม่รู้มาเวลาที่ผ่านมาดาราหนุ่มเขาจะมีอุปสรรคปัญหาส่วนตัวอะไรบ้าง แต่เวลานี้ดาราหนุ่มได้แสดงความรับผิดชอบแทนแม่ของเขาแล้ว จึงถือว่าเรื่องนี้มันจบแล้ว และจบไปด้วยดี หากจะย้อนไปเวลาก่อนได้รับเงินใช้หนี้คืน ตอนนั้นมีคนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เป็น 10 ราย นายวินัย เป็นคนที่มีภาระและมีครอบครัวที่ต้องดูแลเช่นเดียวกัน  พ่อตา-แม่ยาย พี่ชายกับหลาน ขณะนั้นทุกคนมีความเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก สิ่งที่กลัวและหวั่นใจมากที่สุดคือ “การไม่มีที่อยู่” เนื่องจากตนถูกบังคับให้ขายบ้านเอาเงินไปใช้หนี้ ซึ่งพวกเขาเหล่าหนี้ไม่รู้เรื่องหนี้ก้อนนี้ด้วย สำหรับนายวินัย ระบุต่อไปว่า เขาต้องการให้เรื่องที่เกิดขึ้นมันจบไปตั้งแต่ พ.ศ. 2559 ตอนนั้นได้มีการปรึกษาทนาย แต่เขาบอกกับเราว่าถ้าคนเขาจะจ่ายก็จ่าย แต่ถ้าไม่จ่ายคือไม่จ่ายอยู่ดี ฟ้องไปก้เท่านั้น “ฟ้องฟรี”

ทั้งนี้ อดีตผอ.โรงเรียน ได้เรียกร้องฝากไปถึงหน่วยงานรัฐว่า ครูที่มาทำงานบนดอย เขาทั้งหมดต้องทำงานด้วยความเสียสละ สละทุกอย่าง ร่างกาย-ความคิด-ทุนทรัพย์ สำหรับตัวอดีตผอ.ได้นำเอารถส่วนตัวไปขนเอาอิฐ หิน ปูน ทราย ขนไปบนดอยเพื่อทำการก่อสร้างเพิ่มลานอเนกประสงค์ให้โรงเรียนที่ตนเองสอน

รัฐไม่มีงบประมาณให้ที่เพียงพอ ในส่วนนี้หากรัฐบาลเข้ามาใส่ใจช่วยเหลือเต็มที่บางครูก็ไม่ได้รับแบกภาระทั้งครอบครัวตัวเองปและทั้งโรงเรียนไว้หมด ตอนที่รับราชการได้เงินเดือนจำนวน 50,000 บาท แต่พอปลดเกษียณมาเงินเดือนจึงลดลงมาเหลือแค่ 30,000 บาท แต่ละเดือนจะถูกตัดเงินเดือนเพื่อ 1.เงินค่าตำแหน่ง 2.ใช้หนี้สหกรณ์ และอื่นๆ เงินที่ได้บางเดือนถูกหักจนไม่เหลือสักบาท

สำหรับครูที่อายุเยอะแล้วติดหนี้ คงต้องตายก่อนถึงจะหมดหนี้หมดสิน และจะมีเงินฌาปนกิจให้ครอยครัว แต่สำหรับคนที่ยังไม่ตาย นอนตื่นลืมตามาก็เป็นทุกข์ มันก็อดคิดไม่ได้เกษียณออกมาแล้วก็คงไม่มีประโยชน์ ตอนนี้มีเงินก้อนคงต้องเก็บไว้เป็นทุน ทุกวันนี้ตนเองและภรรยาทำงานฝีมือหารายได้ประทังชีวิต เงินที่ได้มานี้ต้องนำเอาไปคืนกับเหล่าเพื่อนที่เคยให้การช่วยเหลือก่อนหน้า เงินที่เหลือจากให้เพื่อนคิดว่าจะนำมาค้าขายหาเงินใช้ในแต่ละเดือนไป