“วันคริสต์มาส” ประวัติวันคริสต์มาส หรือวันที่ 25 ธันวาคม เป็นหนึ่งในเทศกาลที่ผู้คนทั่วโลกเฝ้ารอคอยมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์หรือไม่ก็ตาม เพราะวันคริสต์มาสเต็มไปด้วยเรื่องราวอบอุ่น ความหวัง แสงสี และบรรยากาศแห่งการแบ่งปัน แม้หลายคนจะรู้ว่าวันคริสต์มาสเป็นวันที่เฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซูคริสต์ แต่ประวัติความเป็นมาของเทศกาลนี้ยังมีรายละเอียดลึกซึ้งมากกว่าที่คิด ทั้งเกี่ยวข้องกับความเชื่อโบราณ วัฒนธรรมยุโรป และประเพณีที่ถูกสืบทอดจนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน
บทความนี้จะพาคุณย้อนดูต้นกำเนิดของวันคริสต์มาสตั้งแต่ยุคโบราณ ความหมายทางศาสนา พัฒนาการของเทศกาลนี้ในประวัติศาสตร์ รวมถึงสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ใช้เฉลิมฉลอง เช่น ซานตาคลอส ต้นคริสต์มาส และทำไมต้องแลกของขวัญกัน
ต้นกำเนิดของวันคริสต์มาส
แม้ว่าคริสเตียนทั่วโลกจะฉลองวันประสูติของพระเยซูในวันที่ 25 ธันวาคม แต่ในความเป็นจริง “ไม่มีบันทึกชัดเจนในพระคัมภีร์ว่าพระเยซูประสูติในวันใด” วันคริสต์มาสจึงมีที่มาจากทั้งความเชื่อทางศาสนาและประเพณีของชนยุโรปโบราณ
1) การเลือกวันที่ 25 ธันวาคม
นักวิชาการเชื่อว่า โบสถ์คริสต์ยุคแรกตั้งใจเลือกวันที่ตรงกับเทศกาลฤดูหนาวของชนยุโรปโบราณ เช่น
- เทศกาล Yule ของชาวนอร์ส
- เทศกาล Saturnalia ของโรมัน
- วันเหมายัน ซึ่งเป็นวันที่กลางคืนยาวที่สุดของปี
เพราะถือว่าเป็น “วันที่แสงเริ่มกลับมา” สื่อถึงความหวังและกำเนิดใหม่ ซึ่งเข้ากับความหมายของพระเยซูในฐานะ “แสงสว่างของโลก”

2) วันคริสต์มาสกับความเชื่อคริสต์
ต่อมา วันที่ 25 ธันวาคม จึงถูกกำหนดเป็นวันเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซูคริสต์อย่างเป็นทางการโดยคริสตจักรโรมันคาทอลิก และค่อย ๆ แพร่หลายไปทั่วโลก
ความหมายของวันคริสต์มาสในศาสนาคริสต์
วันคริสต์มาสไม่ได้เป็นเพียงวันเกิดของพระเยซู แต่เป็นสัญลักษณ์ของ
- ความรักอันไม่มีเงื่อนไข
- ความเมตตาและการให้อภัย
- การเกิดใหม่ของความหวัง
- การไถ่บาปของมนุษย์
จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนมักรู้สึกอบอุ่นในช่วงเทศกาลนี้ เพราะแก่นแท้ของคริสต์มาสคือ “การให้” และ “ความปรารถนาดีต่อกัน”
พัฒนาการของวันคริสต์มาสในประวัติศาสตร์
วันคริสต์มาสไม่ได้มีลักษณะอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันมาตั้งแต่แรก แต่ค่อย ๆ พัฒนาและปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
ยุคโบราณ
เทศกาลเริ่มจากการรวมความเชื่อคริสต์กับประเพณีท้องถิ่น เช่น การเฉลิมฉลองด้วยอาหาร ไฟสว่าง และการร้องเพลง ซึ่งภายหลังกลายเป็นเพลงคริสต์มาสในปัจจุบัน
ยุคกลาง
การเฉลิมฉลองเริ่มเป็นทางการมากขึ้น มีการจัดพิธีในโบสถ์ การแห่ และการละเล่นต่าง ๆ
ยุควิกตอเรียน (ศตวรรษที่ 19) – จุดเปลี่ยนสำคัญ
- การ์ดคริสต์มาสเริ่มปรากฏ
- การตกแต่งต้นคริสต์มาสแพร่หลายในประเทศอังกฤษ
- ธรรมเนียมการแลกของขวัญกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล
- ซานตาคลอสมีภาพลักษณ์กายอวบ อารมณ์ดีอย่างที่คุ้นเคย
ยุคนี้เองที่ทำให้คริสต์มาสกลายเป็นเทศกาลครอบครัวที่ทั่วโลกรู้จัก
สัญลักษณ์สำคัญในวันคริสต์มาส
1) ต้นคริสต์มาส
ต้นสนถูกเลือกเป็นสัญลักษณ์เพราะเป็นไม้ที่เขียวตลอดปี หมายถึงความหวังและชีวิตนิรันดร์ การประดับไฟบนต้นไม้สื่อถึงแสงของพระเยซู
2) ดาวบนยอดต้นคริสต์มาส
แทน “ดาวแห่งเบธเลเฮม” ประวัติศาสตร์ ที่นำทางสามนักปราชญ์ไปยังที่ประสูติของพระเยซู
3) ซานตาคลอส
ต้นแบบคือ “นักบุญนิโคลัส” ผู้มีชื่อเสียงในเรื่องการให้ของขวัญแก่เด็กยากจน จนกลายมาเป็นภาพชายแก่ใจดีในชุดแดงที่เราเห็นในปัจจุบัน
4) ถุงเท้าแขวนปล่องไฟ
เป็นการเลียนแบบเรื่องเล่าว่า นักบุญนิโคลัสแอบหย่อนเหรียญทองลงในถุงเท้าที่ตากอยู่ให้เด็กยากจน
5) ของขวัญคริสต์มาส
เชื่อมโยงกับของขวัญสามสิ่งที่นักปราชญ์ถวายแด่พระเยซู ได้แก่ ทองคำ กำยาน และมดยอบ
เหตุใดวันคริสต์มาสจึงเป็นเทศกาลแห่งการ “ให้”?
เพราะหัวใจของเทศกาลนี้คือ
- การแบ่งปัน
- การช่วยเหลือ
- ความปรารถนาดี
- การให้อภัย
- ความรักจากมนุษย์สู่มนุษย์
ในอดีต คริสต์มาสคือวันที่ผู้มีฐานะจะแบ่งอาหาร เสื้อผ้า หรือเงินให้ผู้ยากไร้ และประเพณีนี้ยังคงอยู่จนปัจจุบัน

พฤติกรรมการฉลองคริสต์มาสที่แพร่หลายทั่วโลก
- แลกของขวัญ
- ทำอาหารเย็นร่วมกัน
- จัดปาร์ตี้คริสต์มาส
- แขวนถุงเท้า
- ตกแต่งบ้านและต้นคริสต์มาส
- ร้องเพลงคริสต์มาส
- ส่งการ์ดอวยพรกัน
- ไปทำบุญหรือทำกิจกรรมจิตอาสา
แม้ประเพณีอาจต่างกันตามประเทศ แต่แก่นแท้คือ “ความสุขร่วมกัน”
วันคริสต์มาสในประเทศไทย
แม้ไทยไม่ใช่ประเทศคริสต์ แต่วันคริสต์มาสได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเชิงวัฒนธรรม
- ห้างสรรพสินค้าตกแต่งต้นคริสต์มาส
- โรงเรียนจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง
- ผู้คนแลกของขวัญกัน
- ร้านค้าจัดช่วงโปรโมชั่น
การฉลองของไทยจึงเป็นการผสมผสานระหว่างความสนุกและการเข้าใจความหมายของวันคริสต์มาสในแบบสากล
คริสต์มาส = เทศกาลแห่งความหวัง
สิ่งที่ทำให้วันคริสต์มาสถูกจดจำไปทั่วโลกคือ “ความรู้สึกดี” ที่มันสร้างให้ผู้คน—แม้ในปีที่เหนื่อยล้า ทุกคนก็ยังมีความหวัง มีคนให้คิดถึง และมีโอกาสได้ให้และรับความรัก
นี่คือเหตุผลที่วันคริสต์มาสถูกเรียกว่าเป็น “เทศกาลที่อบอุ่นที่สุดแห่งปี”
วันคริสต์มาสไม่ได้เป็นเพียงวันประสูติของพระเยซู แต่เป็นเทศกาลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีความหมายลึกซึ้ง ถ่ายทอดผ่านสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นต้นคริสต์มาส ของขวัญ หรือซานตาคลอส ทุกอย่างล้วนมีที่มาและบอกเล่าเรื่องราวของความหวัง ความรัก และความเป็นมนุษย์
ในโลกยุคใหม่ คริสต์มาสกลายเป็นวันที่ผู้คนหยุดพักจากความวุ่นวาย เพื่อกลับมามองคนที่รัก ขอบคุณสิ่งดี ๆ ในชีวิต และแบ่งปันความสุขให้แก่กัน
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9






