เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ไทยช่วงต้นรัตนโกสินทร์ หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่หลายคนคงเคยได้ยินคือ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ที่สยามทำกับอังกฤษในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งถูกยกให้เป็นสนธิสัญญาที่เปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมไทยอย่างมหาศาล
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ ว่า สนธิสัญญาเบาว์ริงคืออะไร ทำขึ้นเพราะเหตุใด มีสาระสำคัญอย่างไร และส่งผลต่อสยามในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไรบ้าง
สนธิสัญญาเบาว์ริงคืออะไร
สนธิสัญญาเบาว์ริง (Bowring Treaty) คือสนธิสัญญาที่สยามทำกับประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) ในรัชกาลที่ 4 โดยมี เซอร์จอห์น เบาว์ริง (Sir John Bowring) ข้าหลวงใหญ่แห่งฮ่องกง เป็นผู้แทนอังกฤษ และ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้ลงพระนาม
จุดประสงค์หลักของอังกฤษ คือเปิดประตูการค้าเสรีกับสยาม ขณะที่ฝ่ายไทยเองก็ตระหนักถึงแรงกดดันจากลัทธิล่าอาณานิคมในเอเชีย การทำสนธิสัญญาจึงเป็นทั้งการยอมรับเงื่อนไขเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เหตุผลที่ต้องทำสนธิสัญญา
- แรงกดดันจากตะวันตก: อังกฤษเพิ่งชนะสงครามฝิ่นกับจีน และต้องการหาตลาดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- โอกาสทางการค้า: สยามมีทรัพยากรที่เป็นที่ต้องการ เช่น ข้าว ไม้สัก และดีบุก
- การรักษาเอกราช: รัชกาลที่ 4 มองว่าการยอมเปิดการค้าจะช่วยหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับมหาอำนาจตะวันตก
สาระสำคัญของสนธิสัญญาเบาว์ริง
- การค้าเสรี: ยกเลิกระบบผูกขาดการค้า เปิดเสรีให้พ่อค้าต่างชาติค้าขายได้อย่างเสรี
- กำหนดภาษีคงที่: ภาษีนำเข้า 3% และภาษีส่งออกไม่เกิน 3% ซึ่งถือว่าต่ำมาก
- สิทธิพิเศษคนในบังคับอังกฤษ: ได้สิทธิ์ Extraterritoriality คือหากทำผิดจะขึ้นศาลกงสุล ไม่ขึ้นศาลไทย
- สิทธิครอบครองที่ดิน: ชาวอังกฤษสามารถเช่าที่ดินทำการค้าได้ในบางพื้นที่
- การตั้งกงสุลอังกฤษในสยาม: เพื่อดูแลผลประโยชน์ของพ่อค้าและพลเมืองอังกฤษ
ผลกระทบต่อสยาม
ระยะสั้น
- การค้าข้าวและสินค้าเกษตรขยายตัวอย่างรวดเร็ว
- ราคาข้าวสูงขึ้น ชาวนาได้ประโยชน์บางส่วน แต่ค่าครองชีพในเมืองก็สูงตาม
- รัฐบาลสยามสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีแบบเดิม
ระยะยาว
- เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนจากพึ่งพาตนเอง → สู่เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก
- ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีนอพยพ เข้ามามีบทบาทสำคัญในกิจการค้า
- เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม เช่น การขยายตัวของชนชั้นพ่อค้า
- เป็นต้นแบบให้ประเทศตะวันตกอื่น ๆ มาขอทำสัญญาแบบเดียวกัน (Treaty Port System)
- แม้ไทยยังรักษาเอกราชไว้ได้ แต่ก็ถูกผูกพันด้วย “สนธิสัญญาไม่เสมอภาค” ยาวนานกว่าร้อยปี
มุมมองทางประวัติศาสตร์
นักวิชาการ ประวัติศาสตร์ บางส่วนมองว่าสนธิสัญญาเบาว์ริงคือ “ความสูญเสีย” เพราะไทยเสียสิทธิเหนือดินแดนบางส่วนและอธิปไตยทางกฎหมาย ขณะที่อีกมุมหนึ่งมองว่า นี่คือ การเลือกที่ชาญฉลาดของรัชกาลที่ 4 เพราะช่วยให้สยามรอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมแบบเพื่อนบ้าน
สรุปง่าย ๆ
สนธิสัญญาเบาว์ริงคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้สยามเข้าสู่โลกเศรษฐกิจการค้าเสรี แม้จะต้องแลกมาด้วยความไม่เสมอภาคทางอำนาจ แต่ก็ทำให้ไทยคงความเป็นเอกราชไว้ได้ พร้อมทั้งเปิดประตูสู่การพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และการทูตกับโลกตะวันตก
FAQ คำถามที่พบบ่อย
ทำไมเรียกว่าสนธิสัญญาเบาว์ริง?
– เพราะ Sir John Bowring เป็นผู้แทนอังกฤษในการลงนาม
สนธิสัญญานี้ทำเมื่อใด?
– พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) ในรัชกาลที่ 4
สนธิสัญญาเบาว์ริงมีผลเสียอย่างไร?
– ทำให้ไทยเสียสิทธิในการควบคุมกฎหมายและรายได้ภาษีจำนวนมาก
แต่ก็มีผลดีใช่ไหม?
– ใช่ เช่น เศรษฐกิจไทยเริ่มเข้าสู่ระบบโลก เกิดความเจริญด้านการค้าและสังคมเมือง
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9