Saturday, 4 October 2025

สนธิสัญญาเบาว์ริง จุดเปลี่ยนสำคัญของสยามสู่โลกการค้าเสรี

เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ไทยช่วงต้นรัตนโกสินทร์ หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่หลายคนคงเคยได้ยินคือ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ที่สยามทำกับอังกฤษในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งถูกยกให้เป็นสนธิสัญญาที่เปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมไทยอย่างมหาศาล

สล็อต xo Slotxo

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ ว่า สนธิสัญญาเบาว์ริงคืออะไร ทำขึ้นเพราะเหตุใด มีสาระสำคัญอย่างไร และส่งผลต่อสยามในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไรบ้าง

สนธิสัญญาเบาว์ริงคืออะไร

สนธิสัญญาเบาว์ริง (Bowring Treaty) คือสนธิสัญญาที่สยามทำกับประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) ในรัชกาลที่ 4 โดยมี เซอร์จอห์น เบาว์ริง (Sir John Bowring) ข้าหลวงใหญ่แห่งฮ่องกง เป็นผู้แทนอังกฤษ และ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้ลงพระนาม

จุดประสงค์หลักของอังกฤษ คือเปิดประตูการค้าเสรีกับสยาม ขณะที่ฝ่ายไทยเองก็ตระหนักถึงแรงกดดันจากลัทธิล่าอาณานิคมในเอเชีย การทำสนธิสัญญาจึงเป็นทั้งการยอมรับเงื่อนไขเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

สนธิสัญญาเบาว์ริง ความหมาย สาระสำคัญ และผลกระทบต่อสยาม

เหตุผลที่ต้องทำสนธิสัญญา

  • แรงกดดันจากตะวันตก: อังกฤษเพิ่งชนะสงครามฝิ่นกับจีน และต้องการหาตลาดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

  • โอกาสทางการค้า: สยามมีทรัพยากรที่เป็นที่ต้องการ เช่น ข้าว ไม้สัก และดีบุก

  • การรักษาเอกราช: รัชกาลที่ 4 มองว่าการยอมเปิดการค้าจะช่วยหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับมหาอำนาจตะวันตก

สาระสำคัญของสนธิสัญญาเบาว์ริง

  1. การค้าเสรี: ยกเลิกระบบผูกขาดการค้า เปิดเสรีให้พ่อค้าต่างชาติค้าขายได้อย่างเสรี

  2. กำหนดภาษีคงที่: ภาษีนำเข้า 3% และภาษีส่งออกไม่เกิน 3% ซึ่งถือว่าต่ำมาก

  3. สิทธิพิเศษคนในบังคับอังกฤษ: ได้สิทธิ์ Extraterritoriality คือหากทำผิดจะขึ้นศาลกงสุล ไม่ขึ้นศาลไทย

  4. สิทธิครอบครองที่ดิน: ชาวอังกฤษสามารถเช่าที่ดินทำการค้าได้ในบางพื้นที่

  5. การตั้งกงสุลอังกฤษในสยาม: เพื่อดูแลผลประโยชน์ของพ่อค้าและพลเมืองอังกฤษ

สาระสำคัญของสนธิสัญญาเบาว์ริง

ผลกระทบต่อสยาม

ระยะสั้น

  • การค้าข้าวและสินค้าเกษตรขยายตัวอย่างรวดเร็ว

  • ราคาข้าวสูงขึ้น ชาวนาได้ประโยชน์บางส่วน แต่ค่าครองชีพในเมืองก็สูงตาม

  • รัฐบาลสยามสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีแบบเดิม

ระยะยาว

  • เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนจากพึ่งพาตนเอง → สู่เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก

  • ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีนอพยพ เข้ามามีบทบาทสำคัญในกิจการค้า

  • เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม เช่น การขยายตัวของชนชั้นพ่อค้า

  • เป็นต้นแบบให้ประเทศตะวันตกอื่น ๆ มาขอทำสัญญาแบบเดียวกัน (Treaty Port System)

  • แม้ไทยยังรักษาเอกราชไว้ได้ แต่ก็ถูกผูกพันด้วย “สนธิสัญญาไม่เสมอภาค” ยาวนานกว่าร้อยปี

มุมมองทางประวัติศาสตร์

นักวิชาการ ประวัติศาสตร์ บางส่วนมองว่าสนธิสัญญาเบาว์ริงคือ “ความสูญเสีย” เพราะไทยเสียสิทธิเหนือดินแดนบางส่วนและอธิปไตยทางกฎหมาย ขณะที่อีกมุมหนึ่งมองว่า นี่คือ การเลือกที่ชาญฉลาดของรัชกาลที่ 4 เพราะช่วยให้สยามรอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมแบบเพื่อนบ้าน

สรุปง่าย ๆ

สนธิสัญญาเบาว์ริงคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้สยามเข้าสู่โลกเศรษฐกิจการค้าเสรี แม้จะต้องแลกมาด้วยความไม่เสมอภาคทางอำนาจ แต่ก็ทำให้ไทยคงความเป็นเอกราชไว้ได้ พร้อมทั้งเปิดประตูสู่การพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และการทูตกับโลกตะวันตก

FAQ คำถามที่พบบ่อย

ทำไมเรียกว่าสนธิสัญญาเบาว์ริง?
– เพราะ Sir John Bowring เป็นผู้แทนอังกฤษในการลงนาม

สนธิสัญญานี้ทำเมื่อใด?
– พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) ในรัชกาลที่ 4

สนธิสัญญาเบาว์ริงมีผลเสียอย่างไร?
– ทำให้ไทยเสียสิทธิในการควบคุมกฎหมายและรายได้ภาษีจำนวนมาก

แต่ก็มีผลดีใช่ไหม?
– ใช่ เช่น เศรษฐกิจไทยเริ่มเข้าสู่ระบบโลก เกิดความเจริญด้านการค้าและสังคมเมือง