อารยธรรมโบราณแห่งใหม่ ผุดขึ้นมาในผืนป่าแอมะซอนนักโบราณคดีคาดน่าจะมีอายุประมาณ 500-1,400 ปีก่อนคริสตกาล

อารยธรรมโบราณแห่งใหม่ ผุดขึ้นมาซ่อนอยู่ในป่าแอมะซอนป่าดินชื้นที่ขึ้นชื่อว่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในโลก ซึ่งทางนักโบราณคดีคาดน่าจะมีอายุประมาณ 500-1,400 ปีก่อนคริสตกาล ที่น่าจะถูกสร้างขึ้นจากชนเผ่า คาซาราบี (Casarabe) และนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์โลก เชื่อส่าทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าแอมะซอนคือ “ปอดของโลก” เพราะอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในโลก

อารยธรรมโบราณแห่งใหม่ ที่ป่าแอมะซอนนักโบราณคดีคาดอายุประมาณ 500-1,400 ปีก่อนคริสตกาล

แอมะซอนเชื่อว่าชื่อนี้คือชื่อ ที่ทุกคนรู้กันดีในนามผืนป่าดินชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่สุดในโลก ความพิเศษของป่าอันอดมสมบูรณ์แห่งนี้ยังรวมไปถึง เป็นสถานที่ซ่อนอารยธรรมและวัฒนธรรมโบราณของชนเผาต่างๆในอดีตเอาไว้มากมาย และเมื่อไม่นานมานี้ทางทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมนีเพิ่งค้นพบบางอย่างที่ตอกย้ำว่าป่าแห่งนี้นั้นมีอารยธรรมโบราณอีกแห่งซ่อนอยู่ที่ผืนป่าแห่งนี้

Heiko Prümers เขาคือหนึ่งคนที่ทำงานกับทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันการวิจัยด้านโบราณคดีประจำกรุล Berlin ประเทศ Germany นั้นเขาได้ทำการทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ที่มีชื่อว่า “ LIDAR” ส่องลงไปดูบางอย่างที่บริเวณทุ่งหญ้าโมซอส ในเขตประเทศโบลิเวียหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้พบเข้ากับรูปภาพที่น่าสนใจและภาพที่ว่านั้นก็คือ “ภาพสะท้อนของอารยธรรมโบราณแห่งใหม่” จากการคาดเดาของทีมนักวิทยาศาสตร์นั้นคิดว่ามันน่าจะถูกสร้างขึ้นมาชนเผ่าโบราณ “คาซาราบี (Casarabe)” ซึ่งชนเผ่าที่ว่านั้นน่าจะเป็นคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในผืนป่าแอมะซอนแห่งนี้ในช่วง 500 – 1,400 ปีก่อนคริสตกาล

นี้คือคำพูดของ Heiko  “ไม่มีใครเคยคิดว่าจะสามารถค้นพบอารยธรรมโบราณนี้ที่บริเวณแนวป่าแอมะซอน” ส่วนการค้นพบในครั้งนี้นั้นพวกเขาพบเจอกับหลายๆดังนี้ และภายในพื้นที่พวกเขาค้นพบนั้นมีระยะทางประมาณ 80 ตร.ไมล์

• โบราณสถานขนาดใหญ่ 2 แห่ง
• โบราณสถานขนาดขนาดเล็กอีก 24 แห่ง
• สถาปัตยกรรมโบราณ
• อาคารสูง 5 เมตรที่มีดาดฟ้า
• พีระมิดทรงกรวยขนาด 21 เมตร
• สถานที่ฝากเงิน
• คลอง
• ที่เก็บน้ำ
• ถนนขนาดยาว

“ภายในตัวอาคารต่างๆ ของอารยธรรมโบราณแห่งใหม่นี้ที่ถูกค้นพบในครั้งนี้นั้นเดินทางห่างประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อข้ามไปหากันของระยะเดินเท้า ต้องขอยอมรับบเลยว่าสภาพสังคมในรูปแบบที่มีผู้คนอยู่อาศัยจำนวนมากลงหลักปักฐานตั้งถิ่นอยู่เยอะขนาดนี้อยู่มี่ผืนป่าแห่งนี้” Heiko กล่าว

ในอดีตนั้นนักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีที่ทำงานวิจัยชิ้นนี้นั้นบอกว่าเคยคิดและเชื่อว่าพื้นที่บริเวณนี้ที่พบเจออารยะธรรมใหม่ของปนระเทศโบลิเวียแห่งนี้นั้น เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มมนุษย์ที่หาของป่าออกล่าสัตว์ และเชื่อคนกลุ่มนนี้นั้นไม่จะทำการเกษตรกรรม และคาดว่าไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งเหมือนคนกลุ่มอื่นๆ แต่ถ้าว่าการค้นพบครั้งนี้กลับกลายเป็นว่าเป็นการยืนยันให้เห็นภาพได้ชัดเจนว่า “ชนเผ่าบางกลุ่ม” ในพื้นที่ตรงนี้นั้นมีวัฒนธรรมแบบชนเผ่าเกษตรกรรม และมีพวกเขานั้นก็สร้างที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งสุดท้าย Heiko กล่าวถึงการค้นพบที่น่าอัศจรรย์ใจในครั้งนี้ว่า “มันคือก้าวที่สำคัญมาก”

ต้องขออธิบายส่วนนี้ก่อนนะว่า LIDAR คือเครื่องมือที่เทคโนโลยีของนักโบราณคดี ซึ่งพวกเขานั้นสร้างขึ้นมาและมักนำมาใช้ในการสำรวจพื้นที่ที่เข้าถึงยากอย่างเช่น พื้นที่รกเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ตามานานปกคลุมจนหนาแน่น ส่วนการมใช้งานนั้น จะติดอุปกรณ์ตัวนี้เอาไว้สิ่งที่บินได้อย่างเช่นโดรนหรือเฮลิคอปเตอร์ ต่อมาก็จะทำการปล่อยคลื่นรังสีลงมาบริเวณพื้นที่ที่ต้องการสำรวจ จากนั้นก็จะคอยเฝ้าดูว่าต้องใช้เวลามากน้อยเท่าไหร่เพื่อให้รังสีสะท้อนกลับคืน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่ถูกสำรวจนั้นจะส่องสะท้อนสภาพภูมิประเทศในปัจจุบันรวมถึงอดีตมาให้เราเห็น

Heiko ได้เล่าย้อนกลับไปว่าข้อจำกัดทางเทคโนโลยีของประเทศโบลิเวียนั้นมีค่อนข้างมาก จึงส่งผลทำให้การทดลองและการศึกษาหาข้อมูลเชิงลึกต่างๆนั้นทำได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าว่ามันมีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขานั้นมั่นใจมากจากการค้นพบครั้งนี้ว่ามันสำคัญมากๆและไม่พูดถึงไม่ได้นั้นก็คือ “อารยธรรมและวัฒนธรรมใหม่ที่เจอในครั้งนี้นั้นมันกำลังรอให้พวกเราไปทำการศึกษาพวกมัน และมันก็เหมือนความฝันที่กำลังจะเป็นจริงสำหรับผม”