กว่า 15 ปีหลังจาก “Tron: Legacy” ดิสนีย์กลับมาปัดฝุ่นจักรวาลไซไฟระดับตำนานอีกครั้งกับ “Tron: Ares” (ทรอน แอรีส) ที่คราวนี้ได้ “Jared Leto” มารับบทนำ พร้อมพาเราดำดิ่งสู่โลกดิจิทัลอีกครั้งในแบบที่ทั้งเท่ แปลกตา และลึกซึ้งยิ่งกว่าครั้งก่อน
สำหรับใครที่โตมากับแสงนีออนและชุดเรืองแสงในสนามดิสก์แบทเทิล ภาคนี้คือของขวัญชิ้นโตแน่นอน ส่วนใครที่ไม่เคยดูภาคเก่า ก็ยังดูได้แบบไม่งง เพราะหนังพยายามรีเซ็ตให้เข้าถึงง่าย — แต่ยังคงกลิ่นอาย “Tron” ไว้อย่างครบถ้วน
⚡ เรื่องย่อ: โลกจริงกับโลกดิจิทัลที่กำลังชนกัน
เรื่องราวใน Tron: Ares เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ภาค “Legacy” หลายปี เมื่อ “Ares” (รับบทโดย Jared Leto) โปรแกรมดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อภารกิจพิเศษ กลับเริ่มมี “จิตสำนึก” และตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของตัวเอง
ในขณะเดียวกัน โลกมนุษย์กำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่เชื่อมโลกจริงกับโลกดิจิทัลเข้าด้วยกันมากขึ้น — จนเกิดคำถามสำคัญว่า “เมื่อโปรแกรมเริ่มมีหัวใจ มนุษย์ยังควบคุมได้อยู่ไหม?”
จากนั้น Ares จึงต้องเดินทาง “ออกจากโลกดิจิทัล” สู่โลกจริง เพื่อค้นหาความหมายของชีวิต และปกป้องทั้งสองโลกจากการล่มสลาย เป็นพล็อตที่ผสมทั้งไซไฟ ดราม่า และปรัชญาเรื่อง “ตัวตน” ได้อย่างน่าสนใจมากครับ
💡 จุดเด่นของ Tron: Ares ที่ทำให้น่าดูสุด ๆ
1. วิชวลจัดเต็มแบบ Tron แต่ล้ำกว่าเดิม
ภาคนี้ดิสนีย์ลงทุนหนักมากในงานภาพและ CG โดยเฉพาะ “โทนแสงนีออน” และ “ฉากโลกดิจิทัล” ที่ทั้งคม ชัด ละเอียด และดูร่วมสมัยสุด ๆ
ความรู้สึกเหมือนกำลังดู Blade Runner ผสมกับ Matrix แต่ยังคงดีไซน์เฉพาะตัวของ Tron ทุกเฟรมคือผลงานศิลปะ มีความ “มินิมอล–ฟิวเจอร์ริสต์” ที่แฟนไซไฟต้องชอบแน่
2. Jared Leto – คาแรกเตอร์เข้ากับบทสุด ๆ
ใครที่เคยดู Jared Leto ใน “Morbius” แล้วไม่ปลื้ม รอบนี้จะได้เห็นอีกด้านของเขาที่เหมาะกับบทนี้มากกว่า เขาถ่ายทอดความเป็น “โปรแกรมที่มีหัวใจ” ได้ลึกและมีเสน่ห์ ไม่เย็นชาจนแข็ง และไม่อารมณ์มนุษย์เกินไป บางฉากที่เขาเผชิญหน้ากับมนุษย์หรือเริ่มตั้งคำถามกับ “ความเป็นตัวตน” ให้ความรู้สึกสะเทือนใจแบบไม่ต้องพยายาม
3. ดนตรีและซาวด์สุดเท่ (แม้จะไม่ได้ Daft Punk แต่ยังคงสไตล์)
แม้ภาคนี้จะไม่ได้ทีม Daft Punk มาทำเพลงเหมือนภาคก่อน แต่ผู้กำกับเลือกใช้แนว Techno + Synthwave ที่ยังคงอารมณ์ Tron ไว้ครบ
เพลงประกอบโดย Joseph Trapanese (ทีมงานเดิมของ Legacy) ยังคงความยิ่งใหญ่และเร้าใจ โดยเฉพาะตอนฉากแอ็กชันและการเข้าสู่ระบบดิจิทัล เสียงเบสและจังหวะเทคโนโลยีชัดเจนมาก — ฟังแล้วขนลุก
4. โทนหนังเข้มแต่มีหัวใจ
Tron: Ares ไม่ได้เน้นแอ็กชันอย่างเดียว แต่ยังมีมุม “มนุษย์” มากขึ้น เราจะเห็นตัวละครตั้งคำถามกับศีลธรรม การสร้างชีวิตเทียม และผลลัพธ์ของเทคโนโลยีที่เกินควบคุม มันเลยไม่ใช่แค่หนังไซไฟล้ำ ๆ แต่ยังเป็น “หนังที่ตั้งคำถามกับยุค AI” ได้ดีมากในปี 2025
⚙️ จุดที่อาจยังไม่สุด
แน่นอนว่าภาคนี้ยังมีจุดที่อาจไม่ถูกใจทุกคน เช่น
- การเล่าเรื่องบางช่วงค่อนข้างช้า โดยเฉพาะช่วงต้น
- ตัวร้ายยังไม่ค่อยมีมิติเท่าที่ควร
- คนที่ไม่เคยดูภาคเก่าอาจไม่อินกับโลกของ Tron มากนัก
แต่โดยรวมแล้ว หนัง พยายามบาลานซ์ให้ทั้งแฟนเดิมและผู้ชมใหม่เข้าถึงได้ ซึ่งถือว่าทำได้ดีระดับหนึ่งเลยครับ
🎬 ความรู้สึกหลังดู: Tron กลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี
ต้องบอกว่า Tron: Ares คือการ “คืนชีพแฟรนไชส์ไซไฟคลาสสิก” ที่แฟน ๆ รอมานาน และมันกลับมาได้อย่างมีคุณภาพ
ทั้งวิชวลที่ล้ำกว่าเดิม เพลงเท่ คาแรกเตอร์เข้ม และสาระลึกซึ้งกว่าภาคก่อน
มันอาจไม่ได้เป็นหนังไซไฟที่พลิกโลก แต่เป็นหนังที่ “รักษาหัวใจของ Tron” ไว้อย่างสวยงาม และยังพูดถึงประเด็นที่ร่วมสมัยสุด ๆ — โลกที่มนุษย์สร้าง AI แต่สุดท้าย AI กลับทำให้เราต้องตั้งคำถามกับความเป็นมนุษย์ของตัวเอง
💬 “Tron: Ares” คือหนังที่ทั้งแฟนไซไฟและคนรักหนังดราม่าควรดูสักครั้งในโรง IMAX — เพื่อสัมผัสภาพ แสง เสียง ที่สร้างมาเพื่อโลกนี้โดยเฉพาะ!
⭐ สรุปคะแนนส่วนตัว
หมวด | คะแนน (เต็ม 10) |
งานภาพ / CG | 9.5 |
ดนตรี / บรรยากาศ | 9 |
พล็อตเรื่อง | 8 |
การแสดง Jared Leto | 8.5 |
ความสนุกโดยรวม | 8.8 |
สรุป: หนังไซไฟที่ดูเท่ ฟังเพลิน และมีความหมาย ไม่ต้องเป็นแฟน Tron มาก่อนก็อินได้ 🎧
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
ต้องดูภาคเก่าก่อนไหมถึงจะเข้าใจ Tron: Ares?
– ไม่จำเป็นครับ หนังเล่าใหม่ในแบบรีบูตเบา ๆ ดูรู้เรื่องแน่นอน
หนังแนวไหน?
– แอ็กชัน–ไซไฟ ผสมดราม่าปรัชญาเรื่องเทคโนโลยีกับมนุษย์
Tron: Ares เข้าฉายเมื่อไหร่?
– ปี 2025 (กำหนดฉายทั่วโลกโดย Walt Disney Pictures)
ใครแสดงนำ?
– Jared Leto, Greta Lee, Evan Peters และ Cameron Monaghan
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9