หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องราวของ “คนเห็นผี” วิธีเห็นผี แล้วสงสัยว่า…ทำไมบางคนถึงมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น? เรื่องนี้เป็นหนึ่งในความเชื่อที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อทางศาสนา ความลี้ลับ หรือพลังทางจิต บางคนเชื่อว่า “การเห็นผี” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสิ่งที่สามารถ “เปิดดวงตาที่สาม” ให้เห็นได้จริง
วันนี้เราจะพาไปเปิดโลกความเชื่อเกี่ยวกับ “วิธีเห็นผี” ตามแนวคิดโบราณและมุมมองทางจิตใจ — ว่าจริง ๆ แล้ว การเห็นผีคืออะไร และมีวิธีไหนที่คนโบราณเชื่อว่าสามารถทำให้เห็นได้บ้าง
👻 ความเชื่อเรื่อง “ดวงตาที่สาม”
ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก มีความเชื่อว่ามนุษย์ไม่ได้มีแค่ “สองตา” ที่มองเห็นสิ่งรอบตัวเท่านั้น แต่ยังมี “ดวงตาที่สาม” ซึ่งเปรียบเสมือนดวงตาทางจิต ที่สามารถรับรู้พลังงานและสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติได้ ในศาสนาฮินดูเรียกว่า “อาชนะจักระ (Ajna Chakra)” หรือจุดศูนย์กลางระหว่างคิ้ว ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ตั้งของพลังสัญชาตญาณ หากผู้ใดสามารถเปิดจุดนี้ได้ ก็จะมองเห็น “สิ่งที่ซ่อนอยู่ในมิติอื่น” หรือรับรู้ถึงวิญญาณและพลังเร้นลับที่คนทั่วไปมองไม่เห็น

🕯️ วิธีเห็นผีตามความเชื่อโบราณ
แม้ฟังดูน่าขนลุก แต่ในสมัยก่อน คนไทยเชื่อกันว่า “การเห็นผี” สามารถทำได้จริงผ่านพิธีกรรมหรือเคล็ดบางอย่าง โดยมีจุดประสงค์เพื่อขอขมาผี หรือใช้ติดต่อสื่อสารกับดวงวิญญาณเพื่อขอคำเตือนล่วงหน้า
1. มองผ่านหว่างขาในยามเที่ยงคืน
เชื่อกันว่าหากอยากเห็นผี ให้ไปยืนกลางแจ้งในคืนเดือนเพ็ญ แล้วก้มมองลอดหว่างขาของตัวเองลงไป จะสามารถเห็น “เงา” หรือ “ร่าง” ของผีที่อยู่ในบริเวณนั้นได้
⚠️ คำเตือน: ความเชื่อนี้มีมานาน แต่ไม่ควรทดลอง เพราะอาจกระทบจิตใจและทำให้เกิดภาพหลอนจากความกลัวได้
2. ทาเปลือกตาด้วยขี้เถ้าศพ (วิชานี้ห้ามเล่น)
เป็นหนึ่งในวิชาที่ปรากฏในตำนานสายไสยศาสตร์ เชื่อว่าหากนำขี้เถ้าจากกองศพมาทาเบา ๆ ที่เปลือกตา จะเปิด “ตาทิพย์” ให้เห็นผีและวิญญาณได้
📿 อย่างไรก็ตาม ความเชื่อนี้เป็นอันตรายและไม่ควรปฏิบัติจริง เพราะนอกจากเสี่ยงต่อสุขภาพ ยังเป็นการลบหลู่ผู้วายชนม์อีกด้วย
3. มองผ่านกระจกตอนตีสาม
ในทาง ความเชื่อ ถือว่าช่วงเวลาตีสามคือ “เวลาผีเดิน” หรือเวลาที่โลกของคนตายกับคนเป็นเชื่อมต่อกัน หากใครอยากเห็นผี ให้จ้องมองกระจกในห้องที่มืดเงียบ โดยไม่เปิดไฟ จะเห็นภาพเงาหรือรูปร่างบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลัง หลายคนที่เคยลองเล่าว่าเห็น “เงาเบลอ ๆ” หรือ “คนยืนอยู่ข้างหลัง” แต่เมื่อหันไปกลับไม่มีใครอยู่เลย…
4. เข้าวัดนั่งสมาธิกลางคืน
อีกแนวทางหนึ่งของผู้ที่ “อยากเห็นผีอย่างสงบ” คือการฝึกจิตให้ละเอียดจนสามารถรับรู้สิ่งที่ละเอียดกว่าโลกวัตถุ พระและผู้มีญาณบางรูปเชื่อว่า หากฝึกสมาธิจนจิตตั้งมั่น จะสามารถเห็น “สัมภเวสี” หรือ “วิญญาณเร่ร่อน” ที่ยังไม่ได้ไปเกิดได้อย่างชัดเจน
🪶 เหตุผลทางจิตวิทยา: ทำไมบางคนเห็นผี?
จากมุมมองทางวิทยาศาสตร์ “การเห็นผี” มักเกิดจากการทำงานของสมองที่อยู่ในภาวะเครียด เหนื่อยล้า หรือหลับไม่สนิท ร่างกายอาจหลั่งสารโดพามีนหรืออะดรีนาลีนในระดับผิดปกติ ทำให้เกิดภาพหลอน เสียง หรือความรู้สึกว่ามีบางสิ่งอยู่รอบตัว นอกจากนี้ คนที่มีประสบการณ์ใกล้ชิดกับความตาย หรือสูญเสียคนสำคัญในชีวิต ก็มีแนวโน้มจะ “เห็นผี” ได้มากกว่าคนทั่วไป เพราะจิตใต้สำนึกยังผูกพันกับผู้ล่วงลับอยู่

🕊️ บทสรุป : การเห็นผีคือของจริงหรือจินตนาการ?
คำตอบอาจขึ้นอยู่กับ “ความเชื่อและประสบการณ์ส่วนบุคคล”
สำหรับบางคน การเห็นผีคือสัญญาณของพลังเหนือธรรมชาติที่มีอยู่จริง
แต่สำหรับบางคน มันอาจเป็นเพียงภาพสะท้อนของจิตใจในช่วงเวลาที่อ่อนไหวที่สุด
ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ การเห็นผีคือเรื่องที่ควร “เคารพ” มากกว่าจะ “ทดลอง”
เพราะสิ่งที่เรามองไม่เห็น…อาจไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริง 🕯️
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9






