สวมสิทธิ์เขย่าตลาด: ทุเรียนไทยเจอศึกหนัก วิกฤตราคาทุเรียนไทยปี 2568 กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในวงการเกษตร เศรษฐกิจ เมื่อราคาทุเรียนหน้าสวนร่วงลงเหลือเพียงกิโลกรัมละ 40-60 บาท ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ท่ามกลางความสับสนของตลาดส่งออก โดยเฉพาะ ตลาดทุเรียนจีน ที่เริ่มตั้งคำถามกับคุณภาพและแหล่งที่มาของทุเรียนจากประเทศไทย เพราะมีการ สวมสิทธิส่งออกจาก 3 ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา และลาว
ทุเรียนสวมสิทธิ: ทุเรียนไทยเจอศึกหนัก ปัญหาเรื้อรังที่ไทยยังควบคุมไม่ได้
หนึ่งในประเด็นสำคัญคือการที่ ทุเรียนจากเวียดนาม กัมพูชา และลาว ลักลอบเข้ามาในไทย แล้วถูกส่งออกไปจีนโดยใช้โควต้าของไทย ซึ่งถือเป็นการสวมสิทธิแบบผิดกฎหมาย กระทบโดยตรงต่อเกษตรกรไทยที่ปลูกทุเรียนอย่างถูกต้อง และผ่านมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) ซึ่งตลาดจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
แฉ! เกมลับต่างชาติ สวมสิทธิ์ทุเรียนถล่มไทย ผลผลิตล้น ราคาตกฮวบ
การนำเข้าทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่มีการควบคุมต้นทางที่เข้มงวด ทำให้ ทุเรียนไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ส่งผลให้ผู้ซื้อกดราคารับซื้ออย่างหนักข่าวเศรษฐกิจ บางพื้นที่ในภาคตะวันออกเกษตรกรถึงกับต้อง “ปล่อยทิ้งคาต้น” เพราะต้นทุนการเก็บเกี่ยวไม่คุ้มค่า
ราคาทุเรียนตกต่ำในรอบ 5 ปี: ตัวเลขที่ไม่โกหก
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรฯ ระบุว่า ราคาทุเรียนหมอนทอง ณ จุดรับซื้อหลักในปี 2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 45-65 บาท/กก. ลดลงจากปีที่แล้วที่อยู่ในระดับ 100-120 บาท/กก. โดยเฉพาะเกรดส่งออกที่เคยมีราคาสูงถึง 150 บาท/กก. บัดนี้แทบไม่มีความต่างจากเกรดคละ
ต้นเหตุหลัก คือทุเรียนสวมสิทธิ์ที่ไหลเข้ามาปริมาณมากในช่วงเวลาเดียวกับทุเรียนไทยออกตลาด ทำให้ราคาถูกกระหน่ำอย่างหนัก ทั้งยัง บั่นทอนความเชื่อมั่นจากคู่ค้าจีน ที่เริ่มสังเกตถึงคุณภาพที่ไม่สม่ำเสมอของผลไม้ที่อ้างว่าเป็นทุเรียนไทยแท้
จีนเริ่มไม่มั่นใจ “ทุเรียนไทยแท้” เสี่ยงเสียชื่อเสียงระยะยาว
ตลาดจีนคือผู้นำเข้า ทุเรียนไทยอันดับหนึ่งของโลก ด้วยสัดส่วนกว่า 95% ของการส่งออกทั้งหมด แต่วันนี้กลับเริ่มมีการสอบสวนภายในบางพื้นที่ของจีน หลังพบว่า คุณภาพทุเรียน “ไทย” บางล็อตไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งรูปร่าง กลิ่น สี เนื้อสัมผัส และความสุก ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทุเรียนดังกล่าวอาจเป็น “ของปลอม” ที่สวมสิทธิเข้ามา
หากประเทศไทยไม่เร่งแก้ปัญหาการสวมสิทธิให้เด็ดขาด อาจเผชิญกับ มาตรการกีดกันทางการค้า หรือการจำกัดโควตาส่งออกในอนาคต ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเกษตรกรทั่วประเทศโดยตรง
หน่วยงานรัฐยังตามไม่ทัน – เสียงสะท้อนจากเกษตรกร
แม้จะมีการเรียกร้องจากกลุ่มเกษตรกรให้ภาครัฐเข้มงวดในการตรวจสอบแหล่งที่มาของทุเรียน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนหรือระบบตรวจสอบย้อนกลับที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หลายฝ่ายชี้ว่า ต้องเร่งสร้างระบบ QR Trace ทั้งต้นน้ำถึงปลายน้ำ และเพิ่มจุดคัดกรองผลผลิตขาออกให้เข้มข้นกว่าที่เป็นอยู่
“ทุเรียนไทยกำลังถูกแย่งตลาดจากทุเรียนปลอมในคราบของไทย ถ้ายังนิ่งเฉย เกษตรกรเราจะอยู่ไม่รอด” – คำกล่าวจากกลุ่มชาวสวนในระยอง สะท้อนปัญหาได้อย่างชัดเจน
ทางรอดของเกษตรกรไทย: ยกระดับมาตรฐาน + สร้างแบรนด์เฉพาะถิ่น
นักวิเคราะห์เสนอแนวทางว่า เกษตรกรควรรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างมาตรฐานร่วม ไม่ว่าจะเป็น GAP, Organic หรือ Geographical Indication (GI) เพื่อให้ทุเรียนไทยมีเอกลักษณ์ และสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ง่ายขึ้น รวมถึง เพิ่มช่องทางขายในประเทศผ่านออนไลน์และโมเดิร์นเทรด เพื่อกระจายความเสี่ยงจากตลาดส่งออกที่ผันผวน
นอกจากนี้ รัฐควรสนับสนุนให้แต่ละพื้นที่มี แบรนด์ทุเรียนของตัวเอง เช่น “หมอนทองระยองแท้” หรือ “ก้านยาวจันทบุรี” พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคจีนรับรู้ถึงความแตกต่างและคุณค่าของทุเรียนแท้จากแหล่งผลิต
สรุป: หากไม่หยุดทุเรียนสวมสิทธิวันนี้ อนาคตทุเรียนไทยอาจไม่มีวันฟื้น
ข่าวเศรษฐกิจวันนี้ราคาทุเรียนไทยตกต่ำปี 2568 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลสะสมจากการละเลยระบบควบคุมการส่งออก การสวมสิทธิจาก 3 ประเทศเพื่อนบ้านคือระเบิดเวลาที่กำลังทำลายตลาดทุเรียนทั้งระบบ หากรัฐบาลไม่ลงมือจริงจัง วันนี้อาจยังแก้ทัน แต่ถ้ารอให้ตลาดจีนหมดศรัทธาไปแล้ว วันนั้นจะสายเกินไป
สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9