จะได้กลับบ้านแล้ว! ดวงวิญาณจะโดดเดี่ยวอีกต่อไป หนุ่มอุดรฯ หายตัวปริศนานานเป็นปี ต้องเข้าฝันบอกพ่อและลูกมาช่วยจนค้นพบโครงกระดูก

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงาน จนท.ตร.สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุตรวจเจอโครงกระดูกปริศนา หนุ่มอุดรฯ หายตัวปริศนานานเป็นปี ซึ่งอยู่ภายในโรงสีร้างในพื้นที่หมู่บ้านพรสวรรค์ ตำบลหนองนาคำ ที่เกิดเหตุมีต้นไม้และต้นหญ้าขึ้นรกปกคลุมอยู่

จะได้กลับบ้านแล้ว! ดวงวิญาณจะโดดเดี่ยวอีกต่อไป หนุ่มอุดรฯ หายตัวปริศนานานเป็นปี ต้องเข้าฝันบอกพ่อและลูกมาช่วยจนค้นพบโครงกระดูก ในโรงสีร้าง

เมื่อ จนท.ตร.สภ.เมืองอุดรได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ โครงกระดูก หนุ่มอุดรฯ หายตัวปริศนานานเป็นปี ตามที่ได้รับแจ้ง ณ ที่เกิดเหตุคือโรงสีร้าง บริเวณที่พบโครงกระดูกอยู่ข้างกำแพงที่เป็นคอนกรีต ซึ่งอยู่ใต้ต้นเสาไฟฟ้าที่สูงราวๆ 12 เมตร สภาพโครงกระดูกที่พบโดยเบื้องต้น เป็นโครงกระดูกของมนุษย์ ไม่มีหัว โครงกระดูกใส่เสื้อแขนยาวลายพรางสีเขียว และสวมกางเกงขาสั้นมีสีดำ และจนท.ได้ตรวจพบรองแตะมีสีเหลือง ทาคาดว่าเป็นของผู้ตาย ซึ่งจะมีเชือกไนล่อนมัดผูกไว้กับแท่งเหล็กยาวกว่า 1 ฟุต ซึ่งเหล็กแท่งดังกล่าวถูกตัดออกไปครึ่งท่อน พื้นที่ห่างไปจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร จนท.ค้นพบ กะโหลกศีรษะมนุษย์ซึ่งถูกวางอยู่บนบริเวณลานที่ใช้สำหับตากข้าว เมื่อจนท.ตรวจสอบบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุพบว่าสายไฟฟ้าสีดำถูกมีคนตัดให้ห้อยลงมายังพื้น พร้อมกันนั้นยังพบโคมไฟที่อยู่บนเสาไฟตกลงมาใกล้กับบริเวณโครงกระดูกคนตาย เมื่อนำโครงกระดูกไปชันสูตรพบว่าได้เสียชีวิตมาแล้ว 1 ปี แพทย์เลยเก็บโครงกระดูกดังกล่าวไว้ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี  เพื่อเก็บไว้รอญาติผู้ตายมาติดต่อรับไปทำพิธีตามศาสนาีเชือไนล่อนมัดผูกไว้กับแท่งเหล็กยาวกว่า 1 ฟุต ซึ่งเหล็กแท่งดังกล่าวถูกตัดออกไปครึ่งท่อน พื้นที่ห่างไปจากที่เกิดเหตุ

ล่าสุด นางสาวอมรรัตน์ วัย 32 ปี ได้มีการเดินทางมาดูศพโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เนื่องจากคาดว่าโครงกระดูกดังกล่าวนั้นจะเป็นโครงกระดูกของพี่ชายที่ได้หายตัวออกจากบ้านไปในระยะ1 ปี เพราะหายไปตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม ปี 2563 เช่นเดียวกัน คือ นายอิด วัย 38 ปี เป็นชาวบ้านในหมู่ที่ 5 ตำบลโพนงาม อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี และตนจำเสื้อที่พี่ใส่ออกจากบ้านก่อนหายตัวไปได้ คือ เสื้อลายพลางแขนยาว มันเป็นเสื้อตัวโปรดของพี่ชาย

นางสาวอมรรัตน์ น้องสาวผู้ตายยังเล่าต่อไปด้วยว่า พี่ชายของตนเป็นพ่อหม้ายและยังมีลูกชาย 1 คน ขณะนี้ได้อาศัยอยู่กับปู่หรือพ่อของนายอิด โดยปกติแล้วพี่ชายมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ก่อสร้าง ตัดฟืน เผาถ่าน และพี่ชายมีเพื่อนที่อยู่ในหมู่บ้านพรสวรรค์ ที่อยู่ใกล้กับบริเวณโรงสีร้างที่ค้นพบโครงกระดูกพี่ชาย พี่ชายของตนจะชอบมาเล่นกับเพื่อนที่หมู่บ้านนี้ และก่อนจะหายตัวไปก็มาหาเพื่อนที่หมู่บ้านดังกล่าว ทางครอบครัวก็ออกตามหา มาถามเพื่อนที่พี่ชายชอบมาเล่นด้วย ถามพนักงานร้านคาราโอเกะทีอยู่ใกล้โรงสีร้าง ทุกคนบอกไม่ได้พบเห็นนายอิดเช่นเดียวกัน

นางสาวอมรรัตน์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตนได้มีการโพสต์ข้อความออกตามหาและได้ร้องไปถึงมูลนิธิกระจกเงา และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี เพื่อให้ได้ช่วยประกาศตามหาพี่ชายของตน แต่ก็ไม่ได้รับข่าวว่ามีการพบเห็นพี่ชายจนเวลาผ่านไปได้ 1 เดือน ตนจึงได้ไปแจ้งความคนหายที่ สภ.เมืองอุดรธานี นับเวลาจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ที่พี่ชายได้หายตัวออกจากบ้านไป และในที่สุดช่วงเช้าก็มีคนที่ตนรู้จักโทรมาบอกว่า มีคนที่เขาไปหาปลาใกล้กับบริเวณโรงสีร้าง เขาไปเห็นโครงกระดูกของมนุษย์ซึ่งใส่เสื้อลาพรางแบบเดียวกับเสื้อตัวโปรดของพี่ชายก่อนหายตัวออกจากบ้านไป ตนจึงเดินทางรีบเข้ามาดู พอเห็นก็แน่ใจเลยว่าเป็นพี่ชายของตนที่หายตัวไป ก่อนหน้านั้นที่ออกตามหาพี่ชายตนไม่ได้เข้ามาดูในพื้นที่บริเวณโรงสีนี้เลย เพราะโรงสีเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ช่วงงแรกๆที่พี่ชายหายตัวไป พี่ชายได้มาเข้าฝันลูกชายและพ่อ ได้สื่อบอกตรงกันว่าหนาว ยังบอกว่าออกไปไม่ได้ มารับกลับบ้านด้วย เมื่อได้ฟังเรื่องจากความฝันตนก็ยังไม่รู้ว่าจะตามหาตัวเจอจากที่ไหนได้บ้าง

ทางด้านจนทตร.สภ.เมืองอุดรธานี ได้ร่วมกันตั้งข้อสันนิษฐานในเบื้องต้นไว้ว่า นายอิดผู้ตายอาจจะลักรอบเข้ามายังบริเวณโรงสีร้างพื้นจะมาตัดเอาสายไฟฟ้า เพื่อนำไปชั่งกิโลขายเอาเงิน โดยผู้ตายใช้แท่งเหล็กมัดผูกกับรองเท้าที่ใส่มาก่อนเสียบแท่งเหล็กนั้นไปในรูที่เสาไฟฟ้า เพื่อจะไต่ขึ้นไปที่เสาไฟฟ้าและตัดเอาสายไฟลงมา และคาดว่าขณะตัดสายไฟคงพลาดตกลงมาจนได้รับบาดเจ็บและอาจหมดสติลงไปด้วย และแน่นอนว่าไม่มีใครพบเห็นเพราะที่โรงสีร้างแห่งนั้นเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลและไม่มีใครเดินทางเข้า-ออก ส่วนกะโหลกศีรษะที่พบที่อยู่บริเวณห่างจากร่าง คาดว่าสุนัขจะมาคาบไปกินเนื้อ โครงกระดูกได้มีการไปตรวจ DNA เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนบุคคล ก่อนจะนำศพส่งให้ญาติไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในขั้นตอนถัดไป