การปิดพรมแดน คุกคามสถานะ ศูนย์กลางทางการเงิน ของฮ่องกง

ข่าวต่างประเทศ การปิดพรมแดน ลุกลานจุดศูนย์กลางทางการเงิน ฮ่องกง เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ฮ่องกงได้มีการลดขอบเขตเกี่ยวกับโรคโควิด19 ลง 2 เท่า เนื่องจากเป็น 1 ในประเทศที่ค่อนข้างกวดขันที่สุด ซึ่งข่าวนี้สร้างความแตกตื่นให้กับวงการธุรกิจ โดยมีการตั้งคำถามถึงกรณีดังกล่าวว่าเป็นการลุกลานสถานะศูนย์กลางทางการเงินหรือเปล่า

การปิดพรมแดน คุกคามสถานะ ศูนย์กลางทางการเงิน

แคร์รี แลม ซึ่งเป็นผู้นำภายในเมือง ได้มีการออกมาประกาศเกี่ยวกับการเว้นการกักกัน ให้ผู้ที่เดินทางภายในต่างประเทศ รวมถึงแผ่นดินใหญ่จะจบลง เธอเผยว่านี่จะเป็นการกระตุนให้ประเทศจีนกลับมาทำการเปิดประเทศอีกครั้ง แต่ทว่าในบางธุรกิจ ซึ่งอาจกำลังมีการผลักดันในก้าวขามขีดจำกัด นางแลม เผยว่า การเปิดประเทศจีน “เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า” การเปิดที่อื่นๆ

ฮ่องกง มีการกักกันที่ค่อนข้างกวดขันที่สุดภายในเขตอำนาจศาล ซึ่งผู้ที่เดินทางมาถึงมักจะต้องผ่านการกักตัวภายในโรงแรม เป็นระยะเวลา 14 ถึง 21 วัน
โดยมีข้อละเว้นในบางอย่าง ให้กับทางเจ้าหน้าที่การทูต ผู้นำธุรกิจ รวมถึงชาวจีนบางรายที่มีบัตรผู้พำนักภายในฮ่องกง ซึ่งทำการข้ามการกักตัวหรือสามารถที่จะกักตัวที่บ้านได้ แต่ทว่าอาจจะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

“เราต่างกำลังอยู่ภายในสภาวะที่ยากลำบาก เนื่องจากเป็นเพราะว่าเราจะต้องกลับมาเดินทางโดยไม่ได้กักตัวกับแผ่นดินใหญ่อีกครั้ง ซึ่งเราจะต้องมีการตรวจให้แน่ใจว่าแนวทางในการต่อต้านโรคโควิด19 มีความเข้ากันกับข้อปฏิบัติภายในแผ่นดินใหญ่มากขึ้นหรือไม่” นางแลม เผยว่ากับนักข่าวว่า

ข่าวนี้ได้รับความล้มเหลวจากวงการธุรกิจของฮ่องกงเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกเครียดกับการปิดประเทศ โดยได้มีการปิดเป็นระยะเวลานานกว่า 18 เดือน “ซึ่งส่งผลกระทบเป็นอย่างมากให้หลากหลายรูปแบบ” ทารา โจเซฟ ซึ่งเป็นประธานการค้าภายใน Americans โดยทางฮ่องกงได้เผยกับทาง bbc “ประการที่หนึ่ง ความรู้สึกทางธุรกิจ ไม่สามารถที่จะเคลื่อนโลกอย่างอิสระได้ ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากหากคุณเป็นนักธุรกิจระหว่างประเทศ” ประการที่สอง ผลเสียจากการที่ได้อยู่ห่างจากครอบครัว รวมถึงการติดต่อที่มีความจำเป็น

“สุดท้ายนี้ เป็นการส่งผลเสียอย่างมากต่อต่อท่อส่งผู้ซึ่งมีความสำคัญของฮ่องกง นั้นก็แสดงว่าการครอบครองฮ่องกง ภายในสถานะศูนย์กลางของเอเชีย อาจส่งผลให้ลดลงเมื่อช่วงเวลาผ่านไป ซึ่งพวกเราไม่มีท่อส่งแล้ว เรื่องราวดังกล่าวยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ”

Frederik Gollob ซึ่งเป็นประธานของหอการค้ายุโรป เห็นด้วย “ซึ่งแน่นอน ที่จะไม่มีการเพิ่มความเชื่อใจให้กับทางฮ่องกงในการประกอบธุรกิจ จากแง่มุมทางธุรกิจระหว่างประเทศ”

ความน่าเชื่อถือให้ทางธุรกิจภายในเมืองนี้ ได้รับผลเสียอย่างรุนแรงในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมากจากการเรียกร้องหาประชาธิปไตย ตลอดการใช้ข้อกฎหมายที่ส่งผลต้องความมั่งคงของชาติที่ยังมีความขัดแย้ง ซึ่งได้มีการกำหนดโทษให้จำคุก และยังอาจส่งผลไปถึงชาวต่างชาติอีกด้วย

โจเซฟ ยังเผยอีกว่า ยังไม่มีความแน่ชัดว่าการกำจัดกำลัง ส่งผลต่อสมองทำให้เมืองหมดสติหรือเปล่า โดยเหตุหลักๆ แนวโน้มนี้ต้องการเวลาประมาณหนึ่งกว่าจะเห็นผล “โดยผู้คนกำลังคิดทบทวนหรือพิจารณ์ที่จะทำการลาออกแน่นอน อีกทั้งยังไม่ใช่เพียงองค์กรเดียวที่คิดเช่นนั้น” เธอกล่าว

“เมื่อเราทำการพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสมอง หลายคนมักจะมีความคิดง่ายๆ ว่าคุณจะหยิบมันขึ้นมาหรือปล่อยไป แต่ทว่าสำหรับนักธุรกิจแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ “ เธอกล่าว ซึ่งความท้าทายนั้นคือ โครงการธุรกิจที่ไม่เรียบร้อย สัญญาเช่าบ้าน รวมถึงเด็กที่ทำการลงทะเบียนเรียนภายในโรงเรียนท้องถิ่น

กลุ่ม lobby ทางการเงินที่มีขนาดใหญ่สุดในเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของทางสถาบันการเงิน 155 แห่ง รวมถึง Goldman Sachs และ Black Rock คำเตือนถึงรัฐบาลเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาถึงผลเสียจากนโยบาลชายแดน ที่มี “ขอบเขตสูง”

ภายในจดหมายที่ได้มีการถูกเปิดผนึกที่ไม่เคยมีการพบเห็นมาก่อนกล่าวถึง พอล ชาน ซึ่งเป็นเลขานุการทางการเงินของฮ่องกง เป็นสมาคมหลักทรัพย์ รวมถึงตลาดการเงินในเอเชีย (Asifma) ระบุเอาไว้ว่า “เราเกรงว่าหากทางฮ่องกงไม่มีการพัฒนาหรือสื่อสาร ขั้นตอนในการออกจากศูนย์ในปัจจุบันที่มีความชัดเจน และมีความหมาย – จากการพิพากษาคดี เหมือนกันกับรูปแบบในเขตอำนาจศาลอื่นๆ ซึ่งฮ่องกงจะต้องสูญเสียสถานะระหว่างประเทศที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก” “รัฐบาลต้องมีความพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะต่อลองอย่างมีข้อมูล พร้อมทั้งยังต้องมีการคำนวนถึงความเสี่ยงต่อการดำรงชีพในระยะยาว หากพรมแดนของตนเองยังมีคุณภาพอยู่ ซึ่งมีความตรงกันข้ามกันกับศูนย์กลางทางการเงิน รวมถึงธุรกิจระหว่างประเทศที่มีการแข่งขันกัน”

ประเทศอื่นๆ ละทิ้งแนวทาง Zero-Covid19

แผนออกจากสมาคมได้รับการร่างขึ้นแล้ว ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคกำลังเปลี่ยนจากกลยุทธ์ศูนย์โควิด ซึ่งหมายถึงนโยบายในการลดจำนวนผู้ป่วยเป็นศูนย์ ให้เราอยู่ร่วมกับไวรัส ในขณะที่หลายประเทศเปิดพรมแดนใหม่

ตัวอย่างเช่น ศูนย์กลางทางการเงินของคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ ตามนโยบายนี้ การเดินทางปลอดการกักกันเปิดให้ 11 ประเทศ รวมทั้งบรูไน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ออสเตรเลียได้อนุญาตให้พลเมืองที่ได้รับวัคซีนและพลเมืองกลับเข้ามาใหม่ได้โดยไม่มีการแยกตัว

นิวซีแลนด์ ไทย และบาหลี อินโดนีเซีย ต่างก็มีความเคลื่อนไหวที่จะเปิดเขตแดนอีกครั้ง ในไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาของฮ่องกง Gollob ของ EuroCham กล่าว “แน่นอนว่าเขตแดนของจีนมาก่อน”

“เราต้องยอมรับในเรื่องนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับชุมชนธุรกิจภายในประเทศยุโรปและต่างประเทศในฮ่องกง “แต่ที่สำคัญที่สุด สมาชิกของเราที่มีความสนใจในแผ่นดินใหญ่จะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้

Mr. Gollob กล่าวว่าจุดแข็งของคำในจดหมายของ Asifma นั้นคาดไม่ถึง: “แม้แต่สถาบันการเงินก็ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งทำให้เราประหลาดใจ” เขากล่าวกับสถาบันที่มีอำนาจมากที่สุด “ นี่คือธนาคารซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณที่แรงมากต่อรัฐบาลฮ่องกง “