COP26: อินโดนีเซีย วิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงที่ ‘ไม่ยุติธรรม’ เพื่อยุติการตัดไม้ทำลายป่า

ข่าวต่างประเทศ อินโดนีเซีย วิพากษ์วิจารณ์เงื่อนไขของข้อตกลงระดับโลกเพื่อหยุดการตัดต้นไม้ทำลายป่าภายในปี 2573 ส่งสัญญาณว่าประเทศอาจไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว Siti Nurbaya Bakar รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมกล่าวว่าทางการไม่สามารถ “ให้คำมั่นในสิ่งที่เราทำไม่ได้”

อินโดนีเซีย วิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงที่ “ไม่ยุติธรรม”

เธอกล่าวว่าการบังคับให้อินโดนีเซียมุ่งมั่นที่จะยุติการตัดไม้ทำลายป่าเป็นศูนย์ภายในปี 2573 ถือเป็น “ความไม่เหมาะสมและไม่ยุติธรรมอย่างชัดเจน” แม้ว่าประธานาธิบดี Joko Widodo จะลงนามในข้อตกลงด้านป่าไม้ แต่เธอกล่าวว่าการพัฒนายังคงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของอินโดนีเซีย

ข้อตกลงซึ่งตกลงกันระหว่างผู้นำระดับโลกมากกว่า 100 คนได้รับการประกาศเมื่อวันจันทร์ที่การประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศ COP26 ในเมืองกลาสโกว์ เป็นการประกาศครั้งสำคัญครั้งแรกของงาน สัญญาว่าจะยุติและย้อนกลับการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2573 และรวมกองทุนของรัฐและเอกชนเกือบ 14 พันล้านปอนด์ (19.2 พันล้านดอลลาร์)

ในโพสต์บน Facebook (ในภาษาอินโดนีเซีย)คุณ Nurbaya แย้งว่าต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติอันมหาศาลของประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชน เธอกล่าวถึงความจำเป็นในการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อหาทางสร้างถนนสายใหม่

“การพัฒนาครั้งใหญ่ในยุคของประธานาธิบดีโจโควีต้องไม่หยุดเพียงในนามของการปล่อยคาร์บอนหรือในนามของการตัดไม้ทำลายป่า” เธอกล่าว โดยอ้างถึงนายวิโดโดตามชื่อเล่นของเขา “ความมั่งคั่งทางธรรมชาติของอินโดนีเซีย รวมถึงป่าไม้ จะต้องได้รับการจัดการเพื่อการใช้งานตามหลักการที่ยั่งยืน นอกเหนือจากความเป็นธรรม” เธอกล่าว

ผู้เชี่ยวชาญยินดีกับข้อตกลงดังกล่าว แต่พวกเขาเตือนว่าข้อเสนอก่อนหน้านี้ในปี 2557 นั้น “ไม่สามารถย่นระยะเวลาการตัดไม้ทำลายป่าได้เลย” และกล่าวว่าจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อผูกพัน ต้นไม้ที่โค่นมีส่วนทำให้เกิดการแปรผันสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากมันส่งผลให้ป่าไม้ที่ดูดซับก๊าซ CO2 ที่ร้อนขึ้นจำนวนมากหมดไป

ในขณะเดียวกัน Mahendra Siregar รัฐมนตรีการต่างประเทศของอินโดนีเซีย กล่าวว่าการอธิบายว่าข้อตกลงนี้เป็นคำมั่นสัญญาว่าด้วยการตัดไม้ทำลายป่าเป็นศูนย์นั้น “เป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด” ป่าอันกว้างใหญ่ของอินโดนีเซียยังคงหดตัว แม้ว่าอัตราการตัดไม้ทำลายป่าจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

จากข้อมูลบนเว็บไซต์ Global Forest Watch ในปี 2544 ประเทศมีพื้นที่ป่าปฐมภูมิราว 94 ล้านเฮกตาร์ – หมายถึงป่าเขตร้อนที่ยังไม่ได้รับการทำความสะอาดและปลูกใหม่ทั้งหมดในประวัติศาสตร์เมื่อไม่นานนี้ พื้นที่นั้นลดลงอย่างน้อย 10% ภายในปี 2020