ญี่ปุ่นกับวัคซีน อะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนการตัดสินใจ

ญี่ปุ่นกับวัคซีน โควิด19 กับเหตุอะไรที่ทำให้ญี่ปุ่นที่ลังเลเรื่องวัคซีน ยอมรับการฉีด แถมยังได้รับวัคซีนในเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าที่อื่น ชาวญี่ปุ่นประมาณ 76% ได้รับภูมิคุ้มกันอย่างสมบูรณ์แล้ว

ญี่ปุ่นกับวัคซีน เรื่องแปลกใจก่อนการแข่งขันระดับโลก

เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เมื่อต้นเดือนมิถุนายน มีเวลาแค่เจ็ดอาทิตย์ก่อนการแข่งขัน ‘กีฬาโอลิมปิก’ มีคนญี่ปุ่นแค่ 3.5% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน

ขณะที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกำลังจะเปิดขึ้น ดูเหมือนเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำการเปิดตัววัคซีนอย่างเลวร้าย หกเดือนต่อมาก็ไม่ต่างกันมาก ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นจะประสบความสำเร็จในการเอาชนะความโกลาหลในช่วงแรกเท่านั้น แต่ยังได้รับวัคซีนในเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าที่อื่น ๆ ในโลกอีกด้วย ชาวญี่ปุ่นประมาณ 76% ได้รับภูมิคุ้มกันอย่างสมบูรณ์แล้ว

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นกุญแจสำคัญ ย้อนกลับไปในเดือนกรกฎาคม การประท้วงตามท้องถนนใหญ่ที่เรียกร้องให้มีการยกเลิกเกม? มีความโกรธที่แท้จริงและกลัวว่าเกมจะกลายเป็นเหตุการณ์ที่แพร่กระจายอย่างมาก กลัวว่างานใหญ่จะพัง นักการเมืองจึงมารวมตัวกันในที่สุด

กองทัพถูกเรียกตัวเข้ามาและในต้นเดือนกรกฎาคม มีการฉีดหลายล้านเข็มในแต่ละวัน แต่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงด้านลอจิสติกส์เท่านั้นที่น่าประหลาดใจ นั่นเป็นวิธีที่คนญี่ปุ่นเต็มใจรับวัคซีน ในกลุ่มอายุมากกว่า 80 ปี 95% ได้รับการฉีดแล้ว ไม่มีสัญญาณของความลังเลใจของวัคซีนที่นั่น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คาดการณ์ไว้

ความกลัว vs ความลังเล

ญี่ปุ่นมีประวัติลังเลเรื่องวัคซีนมาช้านาน ในเดือนมกราคม การสำรวจพบว่าคนส่วนใหญ่สงสัยเกี่ยวกับวัคซีนโควิดที่พัฒนาขึ้นใหม่ ผู้เชี่ยวชาญบางคนคิดว่าความโกลาหลในช่วงแรกช่วยได้จริง

ศาสตราจารย์ เคนจิ ชิบุยะ ผอ.ฝ่ายวิจัยของมูลนิธิโตเกียวเพื่อการวิจัยเชิงนโยบาย กล่าวว่า “ในช่วงต้น ๆ วัคซีนยังขาดแคลนอยู่จริง” นั่นนำไปสู่ความคิดที่ขาดแคลนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้สูงอายุ” เขาคิดว่าความกลัวทำให้เกิดอัตราการดูดซึมที่สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้สูงอายุ พวกเขาเห็นว่าคนอายุมากในประเทศอื่น ๆ กำลังจะตาย และพยายามแย่งชิงวัคซีน ก่อนที่เสบียงจะหมด

การเริ่มต้นอย่างช้า ๆ ยังหมายถึงคนที่อายุน้อยกว่าต้องรอ และคอยดู เนื่องจากมีคนหลายร้อยล้านคนในประเทศอื่น ๆ ถูกยิง โดยไม่มีผลข้างเคียงที่น่าทึ่ง ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าวัคซีนมีความปลอดภัย

ความแตกต่างที่สำคัญอีกประการหนึ่งกับอเมริกาและยุโรปคือวัคซีนไม่ได้กลายเป็นเรื่องการเมือง “เราไม่มีการเมืองที่นี่” ศ.ชิบูย่ากล่าว “มันไม่ได้ถูกมองผ่านเลนส์ของเสรีภาพหรือสิทธิส่วนบุคคล ประชาชนทั่วไปไม่ได้เข้าร่วมในทฤษฎีสมคบคิดใด ๆ ”

เมื่ออัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ประเทศได้เห็นการลดลงอย่างมากของการติดเชื้อและการตายจากโควิด

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 26,000 ราย นับเป็นวันเดียวสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จำนวนนั้นลดลงเหลือเพียง 150 ต่อวัน มีการเสียชีวิตลดลงเช่นเดียวกัน โดยหลายวันก่อนไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเลย วัคซีนมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่นั่นไม่ใช่ปัจจัยเดียว ก่อนที่วัคซีนจะอยู่ในอ้อมแขนของผู้คน อัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ของญี่ปุ่นยังต่ำกว่าสหรัฐฯ หรือยุโรปอย่างมาก อัตราการเสียชีวิตของอเมริกาจากโควิดคือ 233.8 ต่อประชากร 100,000 คน ญี่ปุ่นเป็นเพียง 14.52

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากคุณติดเชื้อโควิดในญี่ปุ่น โอกาสที่คุณจะเสียชีวิตจากโรคนี้คล้ายกับในยุโรปและอเมริกา แต่ในญี่ปุ่น คุณมีโอกาสน้อยมากที่จะจับมันได้ และเหตุผลก็คือพฤติกรรม

ที่นี่ทุกคนสวมหน้ากาก ที่สวนสาธารณะ แม้กระทั่งบนชายหาด แม้แต่คนขับรถคนเดียวก็สามารถเห็นได้ว่าพวกเขาสวมมันขณะที่พวกเขาขับผ่านไป แล้วก็มีเจลล้างมือ มีอยู่ทั่วไป ที่ร้านสะดวกซื้อ ห้องน้ำสาธารณะ สถานีรถไฟ ร้านอาหารและร้านกาแฟ ทุกที่ที่คุณไป คุณต้องล้างมือให้สะอาดก่อนจับใครหรืออะไรก็ตาม

มันอาจจะรู้สึกกดดันเล็กน้อยและบางครั้งก็ไร้เหตุผล แต่มีข้อสงสัยเล็กน้อยว่ามันใช้งานได้ ศ.ชิบุยะกล่าวว่า “ผู้คนมีมารยาทดีมาก ใส่หน้ากาก และเว้นระยะห่างทางสังคม “แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว” ความสำเร็จของการเปิดตัววัคซีนและการยกเลิกภาวะฉุกเฉินทำให้ผู้คนกลับมาที่สำนักงาน และออกไปที่ผับและร้านอาหารอีกครั้ง ความรู้สึกกลัวที่ทำให้ผู้คนต้องอยู่ห่างกันเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งกำลังจางลง และด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดว่าอัตราการติดเชื้อที่ต่ำมากที่ญี่ปุ่นในตอนนี้จะไม่คงอยู่อีกต่อไป

“เราตามหลังยุโรป 1-2 เดือน” เขากล่าว “เร็ว ๆ นี้ เราจะได้เห็นคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้น”